20.ป่าชายเลนบางปู

ป่าชายเลนบางปู ปอดเล็ก ๆ ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง

ป่าชายเลนบางปู ปอดเล็ก ๆ ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง

ป่าชายเลนบางปู

ป่าชายเลนบางปู ปอดเล็ก ๆ ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง (ไทยโพสต์)

เรื่อง : บุษบา ศิวะสมบูรณ์
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก bangpunature.com

เมื่อเราขึ้นไปบน หอดูนกของศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราชินี  ก็เห็นผืนป่าสีเขียวแผ่ออกไปกว้างไกล ตรงขอบฟ้าลิบ ๆ นั้นเห็นเป็นตึกรามบ้านช่องห้างสรรพสินค้า มีลมโชยมาเย็น ๆ ชื่นใจบรรเทาความร้อนจากแสงแดดแผดจ้าไปได้

แต่สิ่งที่เรานึกว่ามันกว้างใหญ่แล้ว กลับกลายเป็นส่วนเสี้ยวเดียวของสิ่งที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้เท่านั้น เจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ ซึ่งพาเราไปชมพื้นที่บอกว่า เมื่อก่อนป่าชายเลนแห่งบางปูกว้างใหญ่กว่านี้มากนัก กินพื้นที่ไปถึงราว ๆ ถนนสายบางนา-บางปะกงเลยทีเดียว ตอนนี้ป่าชายเลนบางปูนั้นเหลือแค่ 600 กว่าไร่เท่านั้น และมีท่าทีว่าจะหดหายต่อไปอีกในอนาคตหากไม่รักษาไว้ ทั้งจากการรุกรานของสิ่งก่อสร้างของมนุษย์และจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าฝั่ง

ศูนย์แห่งนี้ตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2548 และอยู่ในความดูแลของ กรมพลาธิการทหารบก ที่ร่วมมือกับ องค์กร WWF ประเทศไทย และอีกหลายหน่วยงานจัดการบริหารพื้นที่เพื่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูพื้นที่ที่เคยเป็นนากุ้งมาก่อน รวมทั้งจัดโปรแกรมเรียนรู้ต่าง ๆ สำหรับนักศึกษาและประชาชนทั่วไป เพื่อกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกหวงแหนป่าชายเลนขึ้นมา และช่วยหันมาอนุรักษ์พื้นที่สีเขียวเหล่านี้เอาไว้

ป่าชายเลนบางปู

ในเส้นทางเดินชมป่าชายเลน เราได้เห็นพื้นที่ได้เป็นหลายแบบ ที่ทั้งบึงน้ำที่มีนกนางนวลและนกทะเลชนิดอื่น ๆ มาหากินกันเต็มไปหมด เวลานกเหล่านี้บินขึ้นพร้อม ๆ กันทีเดียวเป็นภาพที่น่าดูยิ่งนัก ทางศูนย์ฯ ได้จัดสร้างที่ซุ่มดูนกไว้หลายจุดด้วยกัน จากทางลาดซีเมนต์ของรอบนอกเขตเดินชม เราก็ตัดเข้าไปตรงกลางของป่าชายเลน โดยเดินบนสะพานไม้เล็ก ๆ ที่ต่อเนื่องกันคดเคี้ยวหลายกิโลเมตร อากาศจากร้อนจัดก็เปลี่ยนเป็นเย็นชื่นใจทันทีเมื่อเข้าเขตนี้ เจ้าหน้าที่ชี้ให้ดูต้นโกงกางที่แทงรากขึ้นมาหายใจเบียดกันแน่นเต็มไปหมดที่พื้น ป่าเขียวขจีทำให้หัวใจเราสดชื่น หายใจได้เต็มปอด เพราะพวกมันทำหน้าที่เหมือนเครื่องฟอกอากาศชั้นดีจัดการกับคาร์บอนไดออกไซด์ให้แก่โลก

ป่าชายเลนบางปู
ป่าชายเลนบางปู
ป่าชายเลนบางปู

แต่เราก็รื่นรมย์ได้ไม่นาน เพราะในระหว่างต้นโกงกางก็เห็นมีขวดพลาสติกนานาชนิดติดค้างอยู่ไม่น้อย เจ้าหน้าที่บอกว่านี่คือสิ่งที่แม่น้ำพัดพามา มันมาจากบ้านเรือนผู้คนมาตามน้ำแล้วก็ออกไปไม่ได้ และกว่าจะย่อยสลายก็ใช้เวลาหลายร้อยปีเลยทีเดียว

เจ้าหน้าที่ยังเล่าด้วยว่า ที่ศูนย์ฯ มีโครงกระดูกของ วาฬบรูด้า ที่เข้ามาเกยตื้นที่นี่หลายปีแล้วอยู่ ตอนที่ผ่าท้องออกมาเพื่อดูสาเหตุการตายของมัน ก็พบถุงพลาสติกจำนวนมากมายอัดแน่นอยู่ในท้องของมัน นักวิชาการคาดว่ามันคงคิดว่าเป็นแมงกะพรุนแล้วกินเข้าไปจนเกิดเป็นพิษขึ้น

ระหว่างเดินอยู่เจ้าหน้าที่ก็บอกให้เราลดเสียงลงเงี่ยหูฟังเสียงบางอย่าง คล้าย ๆ กับคนดีดนิ้วเป็นจังหวะ เขาบอกว่านั่นคือเสียงกุ้งดีดขัน แต่เรามองไม่เห็นตัวว่าอยู่ที่ใด เพราะมันมีขนาดเล็กและลำตัวใส แต่มีก้ามใหญ่ซึ่งสามารถทำก้ามกระทบกันเกิดเสียงปัง ๆ ขึ้นได้ และยิ่งเอาไปใส่ไว้ในขันโลหะเสียงก็จะดังกังวานมากขึ้น จึงเป็นที่มาของชื่อนี้

ป่าชายเลนบางปู

ปลาที่พบเห็นได้บ่อยมาก ก็คือ ปลาตีน ซึ่งมีหลายชนิด ตัวโตสุดเรียกว่า ปลากระจังมันจะมีเส้นยาวพาดที่ข้างตัว ถ้าเส้นเป็นสีดำแปลว่ามันกำลังอารมณ์ดี ถ้าเปลี่ยนเป็นสีแสดงว่ามันกำลังโมโห เจ้าพวกนี้หวงถิ่นมาก โดยเฉพาะตัวผู้ ถ้าตัวอื่นรุกล้ำเข้ามามันจะต้องวิ่งไล่ไปทันที

ป่าชายเลนบางปู
ป่าชายเลนบางปู

พืชที่ขึ้นนอกจากโกงกาง แล้วก็ยังมี มะแว้ง โพธิ์ทะเล และชะคราม เจ้าหน้าที่บอกให้เราลองหยิบใบมาลองเลียดู ก็ได้รสเค็มปะแล่ม ซึ่งเขาก็บอกว่าพืชไม่ชอบความเค็ม แต่พืชที่อยู่ป่าชายเลนซึ่งมีน้ำกร่อยจะมีความสามารถในการคายเกลือออกมาโดยเฉพาะทางใบ พืชหลายชนิดนำไปทำเป็นยาและเป็นอาหารได้

ป่าชายเลนบางปู

เมื่อออกจากป่าโกงกางเราก็เจอกับหาดของบางปู ซึ่งทางศูนย์ฯ กำลังพยายามปลูก ต้นลำพูเอาไว้ตรงชายน้ำ ลำพูนี่แหละที่เป็นด่านหน้าของป่าชายเลนของไทยอย่างแท้จริง ไม้ยืนต้นที่แข็งแรงสามารถทานแรงน้ำ แรงลม และเกาะดินเหนียวแน่นไปในคราวเดียวกันจะช่วยซับแรงต่าง ๆ ที่เข้าไปถึงป่าชายเลนด้านใน ซึ่งประกอบด้วยไม้ที่เล็กลงไปอย่าง โกงกาง แสม

ป่าชายเลนบางปู

ทริปของเราสิ้นสุดลงตรงที่มันเริ่มต้น ก็คือ อาคารที่ตั้งของศูนย์ฯ แม้จะเหงื่ออาบกาย แต่ในใจรู้สึกดีมากที่ได้มาที่นี่ในวันนี้ สิ่งที่เราพบเห็นทำให้สรุปได้ว่า ที่นี่คือสวรรค์ของทั้งสัตว์และพืชมากมายหลายชนิด ที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์มากมาย และประการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือเป็นปอดที่ฟอกอากาศโลกให้บริสุทธิ์ และก็รู้สึกหวงแหนผูกพันกับป่าชายเลนมากขึ้น สอดคล้องกับแนวคิดของ 7 Greens  ของ ททท. ที่ตราตรึงอยู่ในจิตใจของเราตลอดมา

เมื่อพูดถึงบางปู หลายคนอาจจะนึกถึง นกนางนวล ที่บินฉวัดเฉวียนไปมา และภาพพระอาทิตย์ตกเหนือน้ำทะเลที่สุดโรแมนติก แต่คราวหน้าถ้าท่านคิดไปเยือนบางปูอีกครั้ง ลองเข้าเยี่ยมโลกเล็ก ๆ อันงดงามแห่งป่าชายเลน แล้วจะได้ความประทับใจอันไม่ลืมเลือนออกมา

ป่าชายเลนบางปู

19.เชี่ยวหลาน

เพลินแพไพร…ในเชี่ยวหลาน

เพลินแพไพร…ในเชี่ยวหลาน

เชี่ยวหลาน

เชี่ยวหลาน

เพลินแพไพรในเชี่ยวหลาน (อ.ส.ท.)

ปิยะฤทัย ปิโยพีระพงศ์…เรื่อง
ธีระพงษ์ พลรักษ์…ภาพ

1. เผลอทีไรเป็นต้องนึกว่ากำลังเพลินใจอยู่ในกลางทะเล ซึ่งรายล้อมด้วยกลุ่มเกาะยึกยักทุกที เป็นเพราะผืนน้ำกว้างใหญ่ที่รายรอบเราอยู่นั้นมีสีเขียวมรกตใส บางคราวมีระลอกคลื่นน้อย ๆ จากการเคลื่อนของเรือหางยาว ที่แล่นนำนักท่องเที่ยวมายังแพพักเอกชนซึ่งอยู่ไกลจากท่าเทียบเรือ เขื่อนรัชชประภา หรือ เขื่อนเชี่ยวหลาน ที่สุด

ที่นี่คือแพ 500 ไร่ ซึ่งเป็นแพเอกชนที่สะดวกสบายและได้มาตรฐาน เรือนพักแต่ละหลังล้วนแข็งแรง มั่นคง ตามหลักวิศวกรรมโครงสร้าง เบื้องหน้าคือเทือกเขาสูงใหญ่ เขียวครึ้ม ทว่าก็มีบางหย่อมเขาที่เผยความแข็งแกร่งของผาหินปูนให้เห็นเด่นชัด ส่วนเบื้องหลังคือเกาะเล็ก ๆ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเขาสูงชัน

ภาพงามตรึงตราปรากฏให้เห็นในยามเช้า เมื่อม่านหมอกขาวบางแผ่พาดผ่านแนวเขาเรี่ยไล่กับผิวน้ำ ส่วนยามเย็นแสงสีทองอบอุ่นที่สาดจับขุนเขาและทาบทาผิวน้ำจนเกิดประกายระยิบ ก็เป็นอีกความงามที่ผู้เข้าพักได้รับเป็นของขวัญประจำวัน … “สวย สงบ สดสะอาด” คือสิ่งที่สัมผัสได้จริงในพื้นที่แห่งนี้

เชี่ยวหลาน

ห่างจากท่าเทียบเรือมาด้วยระยะเวลานั่งเรือหางยาวราว 50 นาที โลกรอบตัวก็แปรเปลี่ยนเป็นอีกบรรยากาศ เราถูกล้อมไว้ด้วยขุนเขาสูงใหญ่ ซึ่งเมื่อลองจินตนาการถึงวันที่มวลน้ำมหาศาลยังไม่หลากรวมมาขังเป็นทะเลสาบกว้างใหญ่กินพื้นที่ 185 ตารางกิโลเมตร ด้วยความลึกยาว ๆ 80 – 100 เมตร เทือกเขาเหล่านี้คงสูงลิบลิ่วจนต้องแหวนสุดคอเพื่อมองยอดชัน

ผืนป่ารอบตัวเราขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสก ส่วนป่ารกชัฏผืนใหญ่ทอดยาวต่อเนื่องอยู่ลึกเข้าไปด้านใน คือ พื้นที่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง ซึ่งป่าเขาสก-คลองแสงนี้นับเป็นป่าดงดิบที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรี บนรอยต่อเชื่อมโยงของจังหวัดสุราษฎร์ธานี พังงา และระนอง นึกไปก็สะดวกดีที่เราเข้ามาสู่วงล้อมของป่าดงดิบโดยทางเรืออย่างง่ายดาย เพราะปกติแล้วการเข้าสู่ใจกลางป่าอนุรักษ์มักต้องเดินฝ่าความรกเรื้อเป็นวัน ๆ แต่ก็นั่นแหละ…แม้ไม่ลำบากยากเย็นกับการเดินทาง แต่ก็ต้องแลกด้วยการทิ้งความเคยชินของคนเมืองหลวงอยู่พอควร ทั้งสัญญาณโทรศัพท์มือถือทุกค่ายที่พร้อมใจกันหายไปหมดเกลี้ยงเมื่อเดินทางมาถึงแพ รวมถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ไร้ร่องรอย ดับความหวังในการถ่ายทอดสดบรรยากาศรื่นรมย์ผ่านเฟซบุ๊กไปจนสิ้น

เชี่ยวหลาน

“เราใช้ ว. ติดต่อกันครับ ถ้ามีเหตุฉุกเฉิน เหตุจำเป็น เราก็ติดต่อทางฝั่งได้ทันที” เบิ้ล อติรัตน์ ด่านภัทรวรวัฒน์ เจ้าของแพ 500 ไร่ บอกกล่าว แถมท้ายด้วยข้อมูลว่ามีเรือประจำการพร้อมออกเดินทางในยามฉุกเฉิน เป็นการสร้างความอุ่นใจอีกชั้น นอกเหนือจากความปลอดภัย เรื่องที่น่าชื่นชมที่สุดคือแนวคิดด้านการอนุรักษ์และการจัดการสิ่งแวดล้อม ที่นี่มีระบบบำบัดน้ำเสียเป็นเรื่องเป็นราว ส่วนห้องสุขาที่มีประจำแพพักทุกหลังใช้ระบบถังเก็บ มีท่อปล่อยก๊าซไม่ให้ขังแน่นจนอาจระเบิด (ไม่อยากนึกภาพนั้นเลย!) และจะมีเรือมาสูบของเสียออกเป็นระยะ

“เราสร้างห้องน้ำบนบกไม่ได้ เพราะผิดกฎอุทยานฯ แพ 500 ไร่ ได้รับใบอนุญาตให้ทำกิจการจากอุทยานฯ เขาสก เราต้องรักษากฎอย่างเคร่งครัดครับ” เจ้าของหนุ่มซึ่งมีใจอนุรักษ์ตอบคำถามเกี่ยวกับห้องสุขาที่หลายคนสงสัยว่า ทำไมไม่สร้างบนบกเสียเลย ส่วนขยะทั้งหมดจะถูกขนลงเรือไปกำจัดที่ฝั่ง รวมทั้งผ้าใช้งานแล้วทั้งหลายก็ถูกนำไปซัก-ตากบนฝั่ง

“ผมจบวิศวะสิ่งแวดล้อม เรื่องแบบนี้ผมใส่ใจแน่นอนครับ” ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของแพยืนยันหนักแน่น หมดข้อสงสัยในเรื่องราคาที่พักและแพ็กเกจที่สูงกว่าแพอื่นทันที เมื่อได้รับรู้ว่าระบบการจัดการของที่นี่มากมายขั้นตอนเพียงใด ยิ่งเมื่อนึกถึงความกระตือรือร้นและใบหน้ายิ้มแย้มของพนักงานทุกคน รวมกับห้องพักสวย สะอาด สะดวก อาหารอร่อยแบบจัดเต็มทั้งคุณภาพและปริมาณเงินทุกบาทที่จ่ายไป ก็นับว่าคุ้มค่านักกับความสุขและความยั่งยืนของธรรมชาติที่เรามีส่วนร่วมรักษาไว้

เชี่ยวหลาน

2. เสียงชะนีกู่ก้องราวป่าแว่วมาจากตรงโน้นบ้างตรงนี้บ้าง ขณะเราเดินไปบนทางลำลองสายเล็กที่แวดล้อมด้วยพรรณไม้ป่าดิบ แทรกด้วยเสียงร้องของนกกก นกแก๊ก ซึ่งบางตัวบินพั่บ ๆ โผจากเรือนยอดหนึ่งไปอีกเรือนยอดหนึ่งเพื่อหาลูกไม้เป็นอาหารเช้า พื้นดินแผ่ไอเย็นชื้นขึ้นมาอาบอวลทั่วบริเวณ ช่วงเวลา 7 โมงกว่า แสงแดดยังไม่ส่องสาด นับเป็นเวลาที่เดินสบาย จะว่าไปแล้ว…แม้แดดจัดจ้า อย่างไรก็ไม่อาจทะลุทะลวงแสงผ่านเรือนยอดไม้แผ่นกว้างลงมาได้เต็มที่

ป้าย “จุดชมวิวไกรสร 1.5 กม.” ที่ปักไว้ตรงปากทางเดินขึ้นเขา หลังจากเรือหางยาวแล่นเข้าเทียบฝั่ง บอกให้รู้ว่าจุดชมวิวสวยนั้นอยู่ไม่ไกลนัก

เชี่ยวหลาน

“เดินสบาย ๆ ครับ เหนื่อยตรงช่วง 200 เมตรสุดท้ายนั่นละ” กั้ง กัณฐกะ ก้อนทรัพย์ ไกด์หนุ่มผู้มีเสียงกึกก้องให้ข้อมูลก่อนลงเรือมาถึงจุดเริ่มเดิน แล้วฉันก็เข้าใจว่าเหนื่อยอย่างไรเมื่อเดินมากว่าครึ่งชั่วโมง ทางข้ามหน้านั้นสูงเชิดชันลิ่ว ไม่มีใครว่าอะไร ถ้าเราจะเดินในจังหวะเนิบ แต่ไม่เนือย ค่อย ๆ ส่งแรงขาพาตัวเองขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยมีเหงื่อหยดหยาดเป็นทางยาวไล่ลามตามผิว หยุดพักเป็นช่วง ดูดอกไม้สีสวยบนผาหิน ชื่นชมดงเห็ดตรงขอนไม้ผุ แม้ว่าเราอาจใช้เวลาเกินกว่า 3 ชั่วโมง ในการไป-กลับตามที่กั้งบอกไว้ แต่จะเป็นไรไป ในเมื่อเราไม่เร่งรัดเรื่องเวลาอยู่แล้ว

 ทางโหดแท้จริงอยู่ตรง 10 เมตรสุดท้าย ซึ่งระเกะระกะไปด้วยหินปูนแหลมคมแทบทั้งนั้น ถ้าพลาดล้มก็มีสิทธิ์เสียเลือดแน่ เหงื่อไหลพรู ทั้งร้อนและทั้งลุ้นในคราวเดียวกัน แล้วรางวัลก็ปรากฏตรงหน้าเมื่อขึ้นมาถึงยอดเขา ซึ่งเมื่อมองจากในเรือจะเห็นเป็นสามเหลี่ยมเล็ก ๆ แต่แหลมเฟี้ยวและสูงนัก กลับกัน…เมื่อขึ้นมาอยู่บนยอดแล้วมองลงไป เราเห็นผืนน้ำเว้าแหว่งเป็นรูปร่างของแนวเขาชัดตา ผืนน้ำนิ่งเรียบราวกระจก สายลมพัดเย็นชื่นไล่ความเปียกชื้นจากเหงื่อไปจนหมด

เชี่ยวหลาน

หลังจากเลือกก้อนหินรูปร่างพอเหมาะ ไร้รอยแหลมคม เรานั่งลงมองผืนป่าและสายน้ำเบื้องล่างด้วยความชื่นใจ นี่เป็นเพียงส่วนเสี้ยวของป่าดงดิบพื้นที่กว่าแสนไร่อันเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่า และเป็นแหล่งออกซิเจน สร้างอากาศสดสะอาดให้สูดหายใจได้อย่างเต็มปอด ณ เวลานี้ มีพรรณไม้มากมายซุกแน่นอยู่บนเกาะเล็ก ๆ และดกดื่นตามเขาสูงที่เราเห็นลิบ ๆ เบื้องล่าง

นอกจากพรรณไม้ป่าดงดิบ ยังมีต้นไม้หายาก ที่มีชีวิตอยู่บนเขาหินปูน เช่น กกเขาสก (Khoasokia caricoides) พืชเฉพาะถิ่นที่พบในบริเวณเขื่อนเชี่ยวหลาน อุทยานแห่งชาติเขาสก และบางพื้นที่ในอำเภอศีรีรัฐนิคม จังหวะสุราษฎร์ธานี มองเผิน ๆ มันคล้ายกอหญ้าแห้งที่ค้างคาเป็นกระจกบนหน้าผา ถ้าไม่มีผู้รู้บอกกล่าว เราคงมองผ่านเลยมันไปแน่นอน

นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพรรณไม้ที่ฉันเพิ่งรู้จักจากการเดินทางครั้งนี้ ยังมีสิ่งมีชีวิตในป่าที่รู้ฤทธิ์มานาน และพบเจอแทบทุกครั้งเมื่อพาตัวเองเข้าสู่ป่าดิบ คือ ทากดูดเลือด ซึ่งบางครั้งก็เหมือนกับว่ามันหายตัวเข้ามาเกาะกินเลือดเราอย่างไรอย่างนั้น จะรู้ตัวก็ต่อเมื่อมันอิ่มหลุดไป ฝากรอยดูดชุ่มเลือดให้ดูต่างหน้าเท่านั้น

ขากลับเดินสบาย ฉันทิ้งห่างพรรคพวกพอควร เดินเงียบ ๆ เพียงลำพัง จู่ ๆ ก็มีตัวอะไรสักอย่างกระโจนแผล็วตัดหน้าไปอย่างเร็วรี่ แล้วไปเคลื่อนกุกกักในพุ่มรก มองตามสักพักจึงเห็นว่ามัน คือ กระจงตัวน้อยหน้าตาเหมือนหนู แต่ขายาวเรียวเล็ก แปลกใจที่ได้เจอ เพราะเท่าที่รู้มากระจงจะออกหากินตอนกลางคืน ไม่ใช่ยามสายอย่างนี้

กลับลงมาถึงตลิ่งที่เรือจอด ฉันพบว่าระยะทางเพียง 1.5 กิโลเมตรนั้น สร้างความประทับใจมากมายเหลือเกิน

เชี่ยวหลาน

3. แพ 500 ไร่ ใช้ไฟปั่น ถ้าอยากเปิดพัดลม ชาร์จแบตเตอรี่ ต้มน้ำดริปกาแฟ ฯลฯ เราต้องทำในช่วงเวลา 5 โมงเย็นถึง 9 โมงเช้าเท่านั้น เมื่อเครื่องปั่นไฟพักการทำงานก็เป็นเวลาที่แดดจัดจ้าส่งผ่านความร้อนมาพอดี แล้วจะมีอะไรดีไปกว่าการกระโดดน้ำตูม ๆ อยู่ตรงหน้าห้องนอน หรือไม่ก็พายคายักเลาะเลียบขอบเขาไปดูนกลอยลำนิ่ง ๆ อาบไอเย็นจากผืนป่า แต่ถ้าอยากส่องสัตว์จริงจัง ซื้อทัวร์ลงเรือหางยาวตระเวนรับลมไปเรื่อย ๆ จะดีกว่า ให้พนักงานช่วยจัดอาหารเที่ยงไปกินในเรือเป็นการปิกนิกหนีร้อนก็เข้าท่ายิ่งนัก 

เราลงเรือออกตระเวนเมื่อเครื่องปั่นไฟหยุดทำงาน ไม่ได้หวังว่าจะเห็นสัตว์ป่านอกจากนก เพราะสัตว์คงไม่อยากออกมาหากินริมน้ำในช่วงกลางวันแดดจ้าสักเท่าไหร่ สิ่งมีชีวิตที่เราเห็นได้ไม่ยาก คือ นกออก ที่เกาะตอไม้ตายโดยสายตาคมกริบจ้องจับปลาที่ขึ้นมาใกล้ผิวน้ำ อีกทั้งยังมีนกกระเต็นปากแดงแจ๊ดซึ่งอาจมองปลาตัวเดียวกับนกออกอยู่ก็เป็นได้ เมื่อลอยเรือเข้าใกล้ตลิ่ง มองเห็นสาหร่ายหางกระรอกดกดื่นอยู่ใต้น้ำ ได้ยินเสียงจ๋อมดังใกล้ ๆ พงษ์ ณัฐพงษ์ สถิตย์ คนขับเรือมาดติสต์บอกว่าเป็นปลาชะโด ก่อนเหวี่ยงเบ็ดลงไปยังจุดที่เห็นน้ำกระเพื่อมไหว

“แต่ก่อนคนล่าสัตว์เยอะครับ กระทิง เก้ง กวาง เลียงผา โดนทั้งนั้น แต่พอกรมประมงปล่อยพันธุ์ปลา และอนุญาตให้ชาวบ้านทำประมงขนาดเล็กได้ คนล่าสัตว์ก็น้อยลงมาก จะไปเสียเวลาทำผิดกับการล่าสัตว์ทำไม กว่าจะได้สักตัวไม่ใช่ง่าย ทำประมงพื้นบ้านดีกว่า ได้ปลาทุกวัน มีเงินพอเลี้ยงตัว ยิ่งพอการท่องเที่ยวบูมขึ้น คนล่าสัตว์ยิ่งน้อยลง มีคนมาเที่ยวเยอะก็เหมือนมีคนมาช่วยจับตามองครับ”

เชี่ยวหลาน

นับเป็นข้อดีของการท่องเที่ยว ถ้าจัดที่ทางและวางระเบียบเป็นระบบ การมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนพื้นที่อนุรักษ์ ก็ใช่ว่าจะนำมาซึ่งความเสื่อมโทรมสถานเดียวอย่างที่หลายคนคิด

เป็นอย่างที่คาด การล่องเรือยามสายจนเที่ยงไม่ได้เปิดโอกาสให้เราพบสัตว์ป่าเท่าเทียมยามเช้า เมื่อเช้านี้กั้งรับหน้าที่ขับเรือพาเราตระเวนหาต้นไทรที่มีลูกสุก เพราะนั่นคือแหล่งรวมของสัตว์ป่าสารพัน แต่เรามาถึงในช่วงที่ต้นไทรในบริเวณรัศมี 5 กิโลเมตร จากแพ 500 ไร่ เพิ่งหมดผลไปเมื่อไม่กี่วันนี้เอง จึงไม่เหลือแหล่งปาร์ตี้ให้ส่ำสัตว์ออกมารวมตัวกันคึกคักอย่างที่ต้องการ ถึงอย่างนั้นก็ยังพอมีโชคอยู่บ้าง เมื่อเจ้าสัตว์ตัวน้อยออกมาผึ่งปีกผึ่งขนให้เห็น ทั้งนกแก๊กที่อยู่ในช่วงจับคู่ บินเข้าจิกกินลูกค้อพลางกางปีกไปพลาง ชะนีมือขาวและชะนีดำห้อยโหนพร้อมส่งเสียงอั๋ว ๆ เป็นระยะ มีลิงหางยาวนั่งรับแสงส่องขนเป็นประกาย อีกทั้งยังมีหมีขอหน้าตาน่ารักปีนป่ายเก็บกินลูกไทรที่เพิ่งสุกในบางต้น

เชี่ยวหลาน

กั้งบอกว่า อย่ามัวเพลินมองบนต้นไม้ ลองมองลงมาแถวตลิ่งบ้าง เผื่อหมูป่าจะออกมารับแดดกับเขา ได้ยินชื่อหมูป่า ฉันกลับนึกเลยเถิดถึง สมเสร็จ ว่ากันตามตรงแล้ว เหตุหนึ่งที่ทำให้เดินทางมายังพื้นที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้ ก็เพราะได้ยินคำบอกกล่าวว่า “เคยเห็นสมเสร็จว่ายน้ำไหมครับ ที่เชี่ยวหลานนี่เขาเห็นกันหลายครั้งนะ” … อย่าว่าแต่สมเสร็จว่ายน้ำเลย สมเสร็จออกมานวยนาดและเล็มกินยอดไม้พุ่ม ซึ่งเป็นภาพที่เห็นง่ายกว่า…ฉันก็ยังไม่เคยเห็นกับตาตัวเอง

เช่นเคย ครั้งนี้พลาดสมเสร็จ แต่ยังดีที่ได้เจอกระทิงตัวเขื่องลงมากินน้ำริมตลิ่งยามเย็นย่ำ หลังจากล่องเรือนตระเวนลึกเข้าไปตามผืนน้ำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง ไกด์หนุ่มและคนขับเรือ ‘ติสต์ก็ถกกันว่า ไอ้ที่เห็นดำ ๆ ไหว ๆ อยู่ไกล ๆ นั้นคือกระทิงหรือเปล่า แล้วเมื่อเบาเครื่องเรือเคลื่อนเข้าไป ก็ได้คำตอบว่ากระทิงจริง ๆ เป็นระยะห่างไม่น้อยกว่า 10 เมตร แต่ก็พอเห็นราง ๆ ว่าร่างดำมะเมื่อมนั้นยืนนิ่งอยู่ริมตลิ่ง หันหน้าเขม็งมองเราอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนวิ่งผลุบหายเข้าป่าไป ไม่ต้องสงสัยเลย เป็นเพราะเราอยู่เหนือลมซึ่งพัดพากลิ่นลอยไปเตะจมูกกระทิงโทนอย่างจังนั่นเอง

ความมืดเริ่มโรยตัวปกคลุม เรือลำน้อยจึงเคลื่อนกลับสู่แพพักซึ่งห่างไปอีกราว 5 -6  กิโลเมตร ความเงียบโอบล้อมรอบตัวพร้อม ๆ กับความมืดที่มากขึ้นตามลำดับ ลึกเข้าไปในป่าทึบแน่นที่รายรอบเราอยู่ขณะนี้ ฉันคิดว่าอาจมีสัตว์ใหญ่ที่มองมายังเราก็เป็นได้

เชี่ยวหลาน

4. แสงทองส่องทอกลุ่มเมฆขาวฟูฟ่องย้อมขอบให้เป็นสีอุ่นน่ามอง ดาวประกายพรึกยังส่องแสงวอมแวม ปุยหมอกขาวสะอาดลอยเหนือน้ำประดับหน้าขุนเขา เป็นภาพสวยที่เห็นทุกเช้าหน้าห้องนอนของเรา ประตูกระจกใสบานกว้างนั้นถูกเปิดรับลมตั้งแต่เมื่อคืน ครั้นถึงรุ่งเช้าภาพงามจึงปรากฏให้เห็นทันทีที่ลืมตา เวลาทำหน้าที่ของมันสม่ำเสมอ ไม่เคยยืดเยื้อเพิ่มพิเศษให้ใคร ราว 9 โมงเช้า เราลงเรือเดินทางกลับสู่ฝั่ง ทว่ายังมีแหล่งท่องเที่ยวระหว่างทางที่จะได้แวะเที่ยวชม

พ้นจากแพ 500 ไร่ ไม่ไกล มีแนวหน้าผาใหญ่อยู่ในเวิ้งอ่าวละแวกคลองหวาง น่าจับตาตรงด้านริมสุดของผาหินปูน ซึ่งมีร่องลายคล้ายใบหน้าสาวญี่ปุ่นเกล้าผมตึง เผยใบหน้ารูปไข่ แก้มกลม ครั้นเลยไปอีกสักพักพงษ์ชี้ให้ดูบนยอดเขาสูงลิบด้านขวา เขาบอกว่านี่คือ เขาพ่อตา

“ลองดูบนยอดเขาสิครับ มีหินรูปร่างเหมือนคนสวมหมวกจีนอยู่นั่นไง เขาลูกนี้มีตำนานเล่าต่อกันมาว่า เฒ่าคนหนึ่งมีอาคมแก่กล้า ต่อมาแกกลายเป็นเสือสมิง อยู่บนเขานี้แหละครับ”

เรือแล่นพ้นโค้ง ผ่านแพพักเรียบง่ายซึ่งตั้งอยู่เบื้องหน้าขุนเขาสูงทะมึน เป็นแพนางไพร ดำเนินการและดูแลโดยอุทยานแห่งชาติเขาสก

เขาสามเกลอ ตั้งอยู่เยื้องกับแพนางไพร ผืนน้ำช่วงนี้กว้างใหญ่จนคนละฝั่งนั้นห่างกันไกลนัก เรือแล่นวกอ้อมภูเขาฝั่งตรงข้ามกับแพนางไพรเข้ามายังด้านใน ซึ่งดูเหมือนทะเลในไม่น้อยหน้าบริเวณแพ 500 ไร่

เขาหินปูนสามก้อนสวยงามเห็นเด่นชัด เป็นประติมากรรมธรรมชาติที่นักท่องเที่ยว ซึ่งมาถึงเขื่อนแล้วมักลงเรือมาเยือน เขาหินอีกก้อนใกล้เขาสามเกลอมีสมญาว่า เขาอินเดียนแดง ตามรูปลักษณ์ของมัน

เชี่ยวหลาน

ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีก 2 จุด ที่เรือแวะเวียนพาเราผ่านไปชม คือ กุ้ยหลินเมืองไทย และ กุ้ยหลินน้อย อีกความงามของเขาหินปูนที่ถูกกัดเซาะโดยน้ำและลมจนเกิดรูปร่างแปลกตา ไม่ได้ดูแต่หิน เพราะเจ้าถิ่นในเรือชี้ชวนให้ดูพรรณไม้บนเขาหินปูน เช่น ปาล์มเจ้าเมืองถลาง กกเขาสก รองเท้านารี ฯลฯ เพลินกันไป

ใกล้ถึงท่าเทียบเรือ เราสวนทางกับเรือนำเที่ยวหลายลำ บรรยากาศการเที่ยวแสนคึกคัก แตกต่างจากความสงบงามในบริเวณตอนในของทะเลสาบเป็นอย่างยิ่ง เรือนักท่องเที่ยวเหล่านั้นทำให้ฉันเห็นสิ่งที่น่าชมอีกอย่าง คือ ทุกคนสวมเสื้อชูชีพดูดี ไม่เป็นชูชีพเน่า ๆ เกรอะกรังด้วยราดำ นับเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่สะอาดถูกใจจริง

เชี่ยวหลาน

5. กลางธันวาคม 2555 ณ เมืองหลวงของประเทศไทย อากาศยังคงร้อนอบอ้าว บางวันฝนตก ไม่มีเค้าของฤดูกาลที่ชัดเจนอีกต่อไป

“เชี่ยวหลานน่าเที่ยวที่สุดช่วงกลางเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคมครับ อากาศหนาวเลยล่ะ ไม่ใช่แค่เย็นสาย” คำบอกเล่าของชายหนุ่มผู้ผ่านวันเวลาในเขตบ้านตาขุนและเขื่อนเชี่ยวหลานมานานกว่า 20 ปี ยังติดอยู่ในความทรงจำ ทำให้นึกถึงเรือคายักที่เคลื่อนไหวเหนือผิวน้ำอย่างนุ่มนวล เข้าถึงต้นไทรสุกได้โดยไม่โฉ่งฉ่าง นึกถึงภาพนกกก นกแก๊ก ฝูงชะนี ค่าง ลิง ที่ห้อยโหนเก็บกินลูกไทรสุกอย่างสุขใจ บางคราวก็ร้องโหวกเหวก กวัดแกว่งมือไล่นกที่จ้องจะมากินลูกไทรในบริเวณเดียวกัน

นึกถึงวันเวลาดี ๆ ที่ได้อิ่มเอมกับขุนเขา ผืนป่า ผืนน้ำ สายหมอก และอากาศลดสะอาด นึกถึงแพสงบงามแห่งนั้น…ที่ซึ่งรอยยิ้มเกิดขึ้นได้แสนง่ายดาย

เชี่ยวหลาน

18.สระมรกต

สระมรกต แหล่งท่องเที่ยวสุดฮิต ไม่ไปไม่ได้แล้ว

สระมรกต แหล่งท่องเที่ยวสุดฮิต ไม่ไปไม่ได้แล้ว

สระมรกต

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ททท. และ krabi.go.th

หลายคนคงได้อ่านปฏิทินวันหยุดในปี 2013 ไปแล้วว่าปีนี้มีวันหยุดยาววันไหนบ้าง และก็คงวางแพลนกันไว้บ้างแล้วจะไปเที่ยวพักผ่อนที่ไหนกันดี แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้จะออกไปโลดแล่นหาชาร์จแบตฯ ที่ไหนดี วันนี้กระปุกท่องเที่ยวขอนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวสุดพิเศษอย่าง “สระมรกต” จังหวัดกระบี่ ไว้เป็นตัวเลือกในการวางแผนเที่ยวในปีนี้กันจ้า ก็แหม…สระมรกต เรียกว่าเป็นสุดยอดอันซีนในประเทศไทยก็ได้ เพราะมีแหล่งน้ำพุร้อนที่มีลักษณะเป็นสระน้ำร้อน น้ำใสเป็นสีเขียวมรกต แถมเดินทางยังสะดวกและไม่ไกลจากตัวเมืองกระบี่ ใช้เวลาท่องเที่ยวไม่นานก็เต็มอิ่ม

สระมรกต

โดย สระมรกต ตั้งอยู่บริเวณป่าทุ่งเตียว ซึ่งจัดเป็นป่าที่ราบต่ำผืนสุดท้ายของประเทศไทย ที่มีพืชพรรณและสัตว์ป่าบางชนิดอาศัยอยู่ในป่านี้เท่านั้น เช่น นกแต้วแล้วท้องดำ นอกจากนี้ ยังมีความหลากหลายในลักษณะของป่าดงดิบชื้น โดยภายในป่าทุ่งเตียวมีการจัดทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ เน้นการท่องเที่ยวแบบชมนกชมไม้สบาย ๆ ใช้เวลาท่องเที่ยวได้ตามใจชอบ จะครึ่งวันหรือหนึ่งเต็มวัน ซึ่งจุดเดินป่าที่น่าสนใจ คือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ทีนา โจลีฟฟ์ ที่ตั้งชื่อตาม คุณ ทีนา โจลีฟฟ์ ชาวอังกฤษ ผู้ริเริ่มในการอนุรักษ์ป่าดิบชื้น แถมยังเหมาะสำหรับคนรักการดูนกมากเลยค่ะ

สระมรกต

สระมรกต

ส่วนไฮไลท์ความมหัศจรรย์ของป่าทุ่งเตียว คือ สระมรกต สระน้ำธรรมชาติที่มีสีเขียวเหมือนมรกตขนาดใหญ่ รูปร่างสี่เหลี่ยมจัตุรัส สีคล้ายน้ำทะเลฝั่งอันดามันเลยก็ว่าได้ กว้างประมาณ 25 เมตร ยาว 20 เมตร ระดับความลึก 1.5-2 เมตร ความใสทำให้มองเห็นพื้นหินข้างล่างได้ชัดเจน ซึ่งสระน้ำสีเขียวมรกตเป็นน้ำกระด้าง ไม่เหมาะกับการเจริญเติบโตของพืชและปลา จึงไม่มีสัตว์น้ำและพืชน้ำในสระนี้เลย

สระมรกต

บริเวณรอบ ๆ สระมรกตยังก็มีศาลาให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ ชมทิวทัศน์รวมถึงสะพานไม้ที่เชื่อมออกจากป่าสู่ศาลาริมน้ำ ซึ่งเราสามารถเพลิดเพลินกับการว่ายน้ำเล่น ในบรรยากาศแสนร่มรื่น พักผ่อนหย่อนใจริมสระ หรือจะไปเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ชมนกชมไม้ก็เพลิดเพลินเช่นกันค่ะ และสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติใกล้ชิด ทางเจ้าหน้าที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม ก็อนุญาตให้นักท่องเที่ยวกางเต็นท์พักแรมเพื่อได้ใกล้ชิดธรรมชาติ

สระมรกต

ทั้งนี้ สระมรกต เปิดให้ท่องเที่ยวได้เข้าไปเที่ยวชมความงามของธรรมชาติได้ทุกวัน ตั้งแต่ 09.00 – 17.00 น. โดยอัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ชาวไทย 20 บาท ต่างชาติ 90 บาท เด็กชาวไทย 10 บาท ต่างชาติ 50 บาท เองค่ะ ไม่แพง…กระเป๋าไม่ฉีกแน่นอนค่ะ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ ททท. สำนักงานจังหวัดกระบี่ โทรศัพท์ 0 7562 2163

สระมรกต

การเดินทาง 

สระมรกต เป็นส่วนหนึ่งของป่านอจู้จี้ ตั้งอยู่ในเขตบ้านบางเตียว ตำบลคลองท่อมเหนือ อำเภอคลองท่อม ผืนป่าแห่งนี้อยู่ในความดูแลของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม สามารถเดินทางได้จากตัวเมืองกระบี่ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 28 กิโลเมตร ตามเส้นทางกระบี่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ไปทางอำเภอเหนือคลอง จนถึงอำเภอคลองท่อม ถึงแยกไฟแดงให้เลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอลำทับ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4038 ประมาณ 100 เมตร แล้วเลี้ยวขวาไปทางคลองท่อมใต้-ทับไทร อีกประมาณ 17 กิโลเมตร เดินเท้าอีกประมาณ 800 เมตร ก็ถึงสระมรกตแล้ว

สระมรกต แผนที่

สำหรับใครที่กำลังมองหาแหล่งท่องเที่ยว ก็ขอแนะนำว่านำเก็บเอา “สระมรกต” ไว้ในอ้อมใจ และเป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจด้วยจ้า

17.ภูลมโล

ทักทายตะวัน ณ ภูลมโล ชมดอกนางพญาเสือโคร่งบาน

ทักทายตะวัน ณ ภูลมโล ชมดอกนางพญาเสือโคร่งบาน

ภูลมโล

ภูลมโล

ภูลมโล

ภูลมโล

ภูลมโล

ภูลมโล

ภูลมโล

ภูลมโล

ภูลมโล

ภูลมโล

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ ม่วงมหากาฬ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

เลย…จังหวัดเล็ก ๆ แต่กลับซุกซ่อนความงามเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นทางธรรมชาติ วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิต อย่างที่ได้สัมผัสกัน เช่น ภูกระดึง ภูเรือ เชียงคาน และพระธาตุศรีสองรัก ฯลฯ แต่วันนี้กระปุกท่องเที่ยวจะพาเพื่อน ๆ ไปเปิดหูเปิดตา ทำความรู้จักกับอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองที่มีคำขวัญว่า … เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม … นั่นก็คือ ภูลมโล อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่เราอยากจะแนะนำกัน

ภูลมโล เป็นรอยต่อ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก และ ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ อยู่ในเขตตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่นอกจากความสวยงามของขุนเขา ทัศนียภาพของป่าไม้ และอากาศที่หนาวเย็นแล้ว ที่นี่ยังมี ดอกนางพญาเสือโคร่ง ซึ่งจะออกดอกบานอวดโฉมให้ชมกันทุกปีอีกด้วยจ้า (บานช่วงกลางเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ ควรตรวจสอบข้อมูลก่อนเดินทาง) ^__^ อะ ๆ ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะก่อนขึ้นไปข้างบน เพื่อน ๆ ยังจะได้สัผัสกับวิถีชีวิตของชาวม้ง รวมถึงสามารถเลือกช้อปของพื้นบ้านทั้งอาหาร และสินค้าต่าง ๆ ติดไม่ติดมือกลับบ้านไปด้วย

นั่นแน่! เริ่มรู้สึกอยากทักทายและทำความรู้จักกับ “ภูลมโล” มากกว่านี้แล้วใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ตามไปเก็บเกี่ยวข้อมูลพร้อมกับชมภาพถ่ายแจ่ม ๆ จากบันทึกการเดินทางของคุณ ม่วงมหากาฬ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไปเลยจ้า 

ภาพถ่ายใบนั้นจากโลกออนไลน์…ภาพถ่ายใบนั้นที่ดอยทั้งดอยเป็นสีชมพู…ภาพถ่ายใบนั้นที่สวยจับใจ…และเป็นภาพถ่ายใบนั้นที่สร้างแรงบันดาลใจได้มากมาย จนผมต้องตามหามัน “ภูลมโล”

ภูลมโล

บ้านร่องกล้าก่อนขึ้นดอยภูลมโลมีชาวม้งตั้งแผงขายของพื้นบ้าน พืชผักท้องถิ่นในราคาไม่แพงนัก

ภูลมโล

ดอกกระดาษมีขายไปทั่ว แอบงงอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงขายกันเยอะมาก แต่ดูไปก็สวยดี

ภูลมโล

ผมใช้เส้นทางอุทยานฯ ภูหินร่องกล้า ถนนค่อนข้างดีจนถึงบ้านร่องกล้า แต่หลังจากนั้นทางจะค่อนข้างลำบาก ระยะทางราว ๆ 5 กิโลเมตร ก่อนถึงภูลมโล

ภูลมโล
วิวทิวทัศน์สองของทางสวยงามทีเดียว
ภูลมโล

ถนนช่วง 5 กิโลเมตร จากบ้านร่องกล้า ทางเป็นดินแดง มีหลุมร่องเป็นระยะ ไม่ควรใช้รถเก๋งในการเดินทาง

ภูลมโล

จากบทเกริ่นนำของรีวิว ภาพถ่ายใบนั้นยังอยู่ในความทรงจำ จนถึงวันที่ใกล้เป็นความจริง

ภูลมโล

ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะไกลแค่ไหน ไม่รู้หรอกว่าเส้นทางจะลำบากเพียงใด รู้แค่ว่าผมต้องออกเดินทาง

ภูลมโล

ถ้าถนนดี ๆ ถนนสายนี้คงสวยไม่แพ้ที่ใดในโลก คงมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนไม่น้อย

ภูลมโล
แต่ผมกลับคิดว่านี่คือเสน่ห์ของการเดินทาง
ภูลมโล

จากบ้านร่องกล้าระยะทางเพียง 5 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาค่อนข้างมากทีเดียวก่อนถึงภูลมโล

ภูลมโล

ภูลมโล มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,664 เมตร

ภูลมโล

เมื่อมายืนด้านบนของภูลมโลสามารถมองเห็นทัศนียภาพกว้างไกล มองเห็นได้ถึง 3 ภู คือ ภูทับเบิก ภูหินร่องกล้า และภูขี้เถ้า

ภูลมโล

ภาพถ่ายใบนั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพถ่ายอีกต่อไป

ภูลมโล

ดอกนางพญาเสือโคร่งที่บานสะพรั่ง สีชมพูสดงดงามจับใจ

ภูลมโล

ที่แห่งนี้มีต้นนางพญาเสือโคร่งถึงหนึ่งแสนต้น หรือกว่าพันไร่

ภูลมโล

ในวันที่ผมไปเยือนคือช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ดอกนางพญาเสือโคร่งยังบานไม่ถึง 40 เปอร์เซ็นต์

ภูลมโล

แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ดอยเป็นสีชมพู และทำให้หัวใจของผมพองโต

ภูลมโล

แต่เดิมโดยรอบภูลมโลเป็นพื้นที่ปลูกกะหล่ำปลีของชาวม้ง ต่อมาทางอุทยานฯ ต้องการให้ชาวม้งออกจากเขตพื้นที่ จึงได้ตกลงกับชาวม้งให้ปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งสลับกับปลูกกะหล่ำปลี เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว นำรายได้มาสู่ชุมชน ซึ่งเป็นผลดีกับทุกฝ่าย

ภูลมโล

ย้อนกลับไปในสมัยก่อน ดินแดนแห่งนี้เคยเป็นพื้นที่สีแดง โดยฝ่ายคอมมิวนิสต์ใช้เป็นฐานที่ตั้ง และลำเลียงอาวุธในการสงคราม ปัจจุบันพื้นที่แห่งนี้กลับคืนสู่ความสงบ ร่องรอยการสู้รบยังมีหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง รวมถึงบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ทางประวัติศาสตร์ ให้ลูกหลานได้ศึกษาเป็นบทเรียน

ภูลมโล

ในวันนี้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนไม่มากนัก หรือแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะถนนหนทางที่ค่อนข้างลำบาก และที่พักต้องกางเต็นท์เท่านั้น

ภูลมโล

นักท่องเที่ยวที่ไม่มีรถโฟร์วีลก็สามารถว่าจ้างรถเช่าขึ้นมาได้ ซึ่งมีให้บริการโดยทั่วไป ทั้งที่บ้านร่องกล้า และบ้านกกสะทอน

ภูลมโล

นับจากวันที่ผมรีวิวนี้ ก็ยังสามารถไปเที่ยวชมได้ทัน ดอกนางพญาเสือโคร่งน่าจะบานเต็มที่ในราวกลางเดือนมกราคม จนถึงปลายเดือนมกราคม

ภูลมโล

ผมเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านจะต้องตะลึงในความงาม ความอลังการ และจำนวนต้นนางพญาเสือโคร่งที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก … มากจนสุดลูกหูลูกตา มากในแบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน และมากที่สุดในประเทศไทย

ภูลมโล

การเดินทางในวันนี้ช่างแสนวิเศษ ภาพถ่ายใบนั้น ทำให้ผมได้มาเจอความสวยงามในวันนี้ และภาพความทรงจำในวันนี้จะอยู่ในใจผมตลอดไป

ภูลมโล

ยืนอยู่นิ่ง ๆ ค่อยหมุนตัวอย่างช้า ๆ มองออกไปให้ไกล ๆ เก็บบันทึกเรื่องราวลงในความทรงจำ สายลม ท้องฟ้า ภูเขา เราจะอยู่คู่กันตลอดไป

ภูลมโล

จุดนี้เมื่อมองออกไปริบ ๆ จะเห็นภูร่องกล้า ซึ่งเป็นอีกสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมากางเต็นท์ค้างแรม

ภูลมโล
คืนนี้พวกเราจะกางเต็นท์ค้างแรมกันที่บริเวณนี้
ภูลมโล

ช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวัน ความสุขค่อย ๆ เดินไปตามห้วงเวลา ความเย็นเริ่มเข้ามาทักทาย

ภูลมโล

นั่งเขียนรีวิวชุดนี้แบบเร่งด่วนเพื่อให้ทันคนที่จะตามรอย จะได้ทันดอกนางพญาเสือโคร่งที่บานเต็มที่

ภูลมโล

นั่งเรียบเรียงเรื่องราวความทรงจำ ความสุขเริ่มกลับมาอีกครั้งเมื่อได้เห็นภาพถ่าย อยากกลับไปยืนตรงนั้นอีกครั้ง ในวันที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบานแบบ 100 เปอร์เซ็นต์

ภูลมโล
ที่พักของเราในค่ำคืนนี้ มีเพียง 2 กลุ่ม บนยอดภูลมโล
ภูลมโล
แสงสุดท้ายกำลังลาลับไปพร้อมกับความสวยงาม และอุณหภูมิเลขตัวเดียว
ภูลมโล
ภาพแห่งความทรงจำกำลังลาจาก รอเวลาบันทึกมันอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น
ภูลมโล

อาจมีแค่ผมเพียงคนเดียวที่กำลังมองไปยังดอยฝั่งนั้น แต่จะมีสักกี่คนที่มองมายังภูลมโล คงเปรียบได้กับจะมีนักท่องเที่ยวสักกี่คนที่จะนึกถึงภูลมโลเป็นลำดับต้น ๆ ในการเดินทาง

ภูลมโล

แสงสุดท้ายในวันนี้สวยจับใจดีเหลือเกิน เป็นแสงจากธรรมชาติจริง ๆ ที่ไม่ได้ย้อม

ภูลมโล

ยิ่งดึกอุณหภูมิก็ยิ่งหนาวเหน็บ หนาวจนต้องจุดกองไฟผิงกาย พี่ที่เป็นไกด์ของนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มเล่าว่า บางวันยังเกิดแม่คะนิ้งบนภูลมโล

ภูลมโล

เช้าวันใหม่พร้อมกับการรีบตื่นของพวกเรา เพื่อไปเก็บภาพแสงแรกของวันบนดอยซึ่งไปไกลจากกันนัก

ภูลมโล

เป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชื่นชมความงามของแสงแรก ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่เรากางเต็นท์ไม่กี่ร้อยเมตร

ภูลมโล

จุดนี้สามารถมองเห็นภูทับเบิก และบ้านทับเบิกที่อยู่ด้านล่าง สวยงามเกินบรรยายจริง ๆ

ภูลมโล

ดวงตะวันเริ่มส่องแสงสีทองเจิดจ้า การเดินทางของชีวิตกำลังเริ่มขึ้น ต่างสถานที่ ในเวลาเดียวกัน ความสุข และความทรงจำที่แตกต่างกันไป

ภูลมโล

เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ตะวันทอแสงได้สวยงามจริง ๆ จนต้องเก็บภาพความทรงจำในห้วงเวลาแบบนี้ให้มากที่สุด

เช้าแล้ว…หรือบางทีก็ใจหายที่ใกล้จะถึงเวลาที่ต้องจากลากัน ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่จะได้มายืนบนจุดนี้ และไม่รู้อีกนานแค่ไหนจะได้ทำตามหัวใจที่อยากทำ

ภูลมโล

แสงสีทองปูพรมห่มยอดดอย หากจะเรียกดอยสีทองคงไม่ผิดไปจากภาพถ่ายนัก

ภูลมโล

บางช่วงของดอยเป็นภูเขาหัวล้าน อาจเพราะชาวบ้านเข้าไปลุกล้ำเพื่อทำไร่ บางช่วงเป็นหุบเหว ดูหวาดเสียวดีเหมือนกัน

ภูลมโล

หมอกจาง ๆ ละเลียดไปกับสายลมเอื่อย ๆ ถ้ามีทะเลหมอกคงงดงามเกินกว่าที่ใด ๆ

ภูลมโล

อยากให้หลาย ๆ คนตามรอย เพราะไม่ไกล และลำบากเกินไปนัก รายได้จะได้กระจายเพื่อช่วยเหลือชุมชน ผมชอบในความจริงใจของชาวบ้าน ชอบในรอยยิ้มและอัธยาศัยมิตรไมตรีของผู้คน

ภูลมโล

เมืองไทยยังมีที่ที่ UNSEEN อีกมาก และ “ภูลมโล” คือหนึ่งในนั้นแน่นอน

ภูลมโล

จากลากันไปด้วยภาพความสวยงามของภูลมโล แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าครับ สวัสดีครับ

ภูลมโล

การเดินทาง

ใช้เส้นทางด่านซ้าย – นครไทย ประมาณ 9 กิโลเมตร แยกซ้ายตรงไปอีก 18 กิโลเมตร ก็จะถึง อบต.กกสะทอน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทรศัพท์ 0 4280 1714 หรืออุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โทรศัพท์ 0 5535 6607

16.มหัศจรรย์สายหมอก ขุนเขา บนเส้นทางสายวัฒนธรรมและวิถีชีวิตผู้คน

มหัศจรรย์สายหมอก ขุนเขา บนเส้นทางสายวัฒนธรรมและวิถีชีวิตผู้คน

มหัศจรรย์สายหมอก ขุนเขา บนเส้นทางสายวัฒนธรรมและวิถีชีวิตผู้คน

ภูลังกา

ภูลังกา

มหัศจรรย์สายหมอก ขุนเขา บนเส้นทางสายวัฒนธรรมและวิถีชีวิตผู้คน (อ.ส.ท.)

เป้ใบเก่า รองเท้าคู่เดิม…เรื่อง
นพดล กันบัว…ภาพ

มีสิ่งหนึ่งที่ไม่อาจเรียกคืนกลับมาได้ คือ เวลา แม้ว่าเวลาแต่ละวันมีเท่าเดิม แต่ทุกวินาทีที่เปลี่ยนไปมักมีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นเสมอ มีหลายสิ่งที่อยากจะให้อยู่ในความทรงจำ และมีหลายสิ่งเช่นเดียวกันที่ไม่อยากจะจดจำ แต่เราไม่อาจจะเลือกจดจำในบางสิ่งและลืมในบางเรื่องได้ 

กับธรรมชาติ ผมมักมีความทรงจำที่ดีเสมอ มีคนถามผมเสมอว่าทำไม ผมบอกว่าธรรมชาติเป็นอะไรมากกว่าคำว่า “งดงาม” สิ่งหนึ่งที่เป็นเสน่ห์ของธรรมชาติ คือ การอยู่นอกเหนือการคาดเดา ใครจะไปคิดละครับว่าปี 2554 น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ นานนับเดือน ใครจะไปคิดครับว่าถนนวิภาวดีรังสิตจะกลายเป็นคลองขนาดใหญ่โดยไม่ตั้งใจ และใครจะไปคิดครับว่าย่างเข้ากลางเดือนธันวาคมแล้ว แต่คนกรุงเทพฯ ยังไม่มีโอกาสสัมผัสความหนาวเย็นเลยแม้แต่น้อย…วิถีแห่งธรรมชาติจึงเป็นวิถีที่อยู่นอกเหนือการคาดเดา

ผมเดินทางขึ้นเหนือในห้วงเวลาต้นเดือนธันวาคม เพื่อตามหาความเหน็บหนาว แต่กลับไปเจอสายฝนตลอดการเดินทาง จน นพดล กันบัว บอกว่าสงสัยมาผิดฤดู เราวางแผนการเดินทางไว้ว่าจะลัดเลาะชมความหลากหลายของผืนป่า “ดอยภูคา” ผ่านร่องรอยวัฒนธรรม “บ้านบ่อเกลือ” สู่ทะเลขุนเขา “ดอยวาว” สิ้นสุดที่สายหมอกยามเช้าเหนือยอด “ภูลังกา”

ภูลังกา


ผืนป่าภูคา ลมหายใจชีวิตหล่อเลี้ยงคนเมืองน่าน

น่าน เมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ชายขอบประเทศติดกับลาว ที่ซึ่งกระแสธารของการท่องเที่ยวเริ่มถาโถมเข้าไป เมืองน่านเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในห้วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสแนวคิดที่แตกต่างในการพัฒนา บ้างก็อยากให้โตอย่างช้า ๆ เพื่อรักษาสิ่งที่เคยมีอยู่ บ้างก็อยากจะให้เจริญเร็ว ๆ มีนักท่องเที่ยวไปเยอะ ๆ หลักการแนวคิดแบบนี้ผมเคยเห็นสมัยที่เชียงใหม่กำลังเริ่มโต ถัดมาก็เชียงราย ต่อมาก็แม่ฮ่องสอน แล้วสุดท้ายก็เห็นอย่างที่เป็นอยู่ครับ

สงกรานต์ เขื่อนธนะ ผู้ก่อตั้งน่านทัวร์ริ่ง บุกเบิกการล่องแก่งน้ำว้า และเจ้าของบ้านเฮือนฮอม ผู้ซึ่งเติบโตควบคู่มากับเมืองน่านบอกกับผมว่า “ปริมาณนักท่องเที่ยวเข้ามาน่านเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม ยังไม่มีความหลากหลายเท่าที่ควร” เขาเชื่อเช่นเดียวกับผมว่า น่านมีศักยภาพทางการท่องเที่ยวด้านอื่น ๆ นอกเหนือจากด้านธรรมชาติหรือผจญภัย อาจต้องใช้เวลาพอสมควร น่านโชคดีที่ไม่เติบโตแบบก้าวกระโดด ยังพอมีเวลาครับที่ชาวน่านจะหาความสมดุลให้กับตัวเอง โดยมีเมืองท่องเที่ยวรุ่นพี่เป็นแบบอย่างให้ศึกษา

ภูลังกา

เทือกดอยภูคาเปรียบเสมือนลมหายใจหล่อเลี้ยงชีวิตคนน่านมาชั่วนาตาปี จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองน่าน ผ่านตำนานคำเล่าขานมากมาย ดอยภูคา ถือเป็นพี่ใหญ่ของอุทยานแห่งชาติทั้งห้าของเมืองน่าน คือ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน อุทยานแห่งชาติแม่จริม อุทยานแห่งชาติขุนน่าน อุทยานแห่งชาตินันทบุรี และอุทยานแห่งชาติดอยภูคา น่านจึงเป็นเมืองที่มีอุทยานแห่งชาติมากที่สุดแห่งหนึ่งของไทย บอกให้รู้ว่าเมืองน่านถูกโอบล้อมด้วยทะเลแห่งขุนเขาอย่างแท้จริง

ในจำนวนขุนเขาที่มีอยู่ เทือกภูคาเป็นเทือกเขาใกล้เมืองที่มีขนาดใหญ่และสูงที่สุด คือ สูงจากระดับทะเลปานกลาง 1,980 เมตร หลักฐานทางธรณีวิทยาบ่งบอกว่าบริเวณนี้ในอดีตเคยเป็นทะเลมาก่อน หลังการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกใต้ทะเล ส่งผลให้แผ่นดินโก่งตัวสูงขึ้น ขุดค้นพบสุสานหอยทะเลอายุประมาณ 200 ล้านปี ที่ภูแว

อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่อุทยานฯ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2542 ครอบคลุมพื้นที่กว่าหนึ่งล้านไร่ สมบูรณ์ด้วยความหลากหลายของระบบนิเวศวิทยา โดยเฉพาะผืนป่าดิบชื้นและพื้นป่าดึกดำบรรพ์ เต่าร้าง พันธุ์ไม้ตระกูลปาล์ม คือส่วนหนึ่งของสีสันแห่งผืนป่าภูคา นอกเหนือจาก “ชมพูภูคา” ซึ่งจะออกดอกบานสะพรั่งในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม วิถีชีวิตของคนน่านจึงไม่อาจปฏิเสธการดำรงอยู่ของทิวเขา ผืนป่า และรากแก่นของวัฒนธรรมที่ดำรงอยู่มาอย่างยาวนาน

ภูลังกา

บ่อเกลือ ร่องรอยแห่งอดีตที่ยังไม่หยุดนิ่ง

ราว 80 กิโลเมตร จากน่าน ผ่านอุทยานแห่งชาติดอยภูคาจะถึง “บ่อเกลือ” ชุมชนโบราณที่เปรียบเสมือนรอยอดีตของสายธารวัฒนธรรมเก่าแก่ของเมืองน่าน บ่อเกลือโบราณนี้สันนิษฐานว่าเกิดจากการตกตะกอนของน้ำทะเลในยุคเพอร์เมียน ราว 289 ล้านปีมาแล้ว ทำให้พื้นที่บริเวณนี้มีชั้นเกลือหินใต้ดิน หรือโดมเกลือหินใต้ดิน แต่เดิมพื้นที่บริเวณนี้เรียกขานกันว่า “เมืองบ่อ” น่าจะหมายถึง บ่อเกลือ ซึ่งสมัยเดิมมีถึง 9 บ่อ แต่ปัจจุบันเหลือสภาพบ่อที่มีความสมบูรณ์สามารถทำเกลือได้เพียง 2 บ่อเท่านั้น

เมืองบ่อถือเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีความเจริญตั้งแต่สมัยพระเจ้าติโลกราชแห่งเชียงใหม่ ในช่วงปี พ.ศ. 1993 เชื่อกันว่าชาวเมืองบ่อสมัยเริ่มแรกอพยพลงมาจากมองโกเลีย ประเทศจีน ผ่านประเทศลาวเข้ามาที่เชียงแสน ก่อนที่จะเดินทางลงมาตั้งรกรากทำเกลือที่เมืองบ่อแห่งนี้

ภูลังกา

ในอดีตบ่อเกลือจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เรียกว่าบ่อเกลือเหนือ คือ บ่อน่าน ซึ่งถือเป็นบ่อเกลือในยุคสมัยเริ่มแรก เกลือในส่วนนี้จะส่งไปขายยังเมืองไชยะบุรี เมืองเงิน เมืองหงสา เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว อีกส่วนหนึ่งคือบ่อเกลือใต้ หรือ บ่อหลวง ในปัจจุบัน เกลือในส่วนนี้จะส่งผ่านดอยภูคาด้วยขบวนวัวต่าง เพื่อไปพักเกลือบริเวณสนามบินน่านในปัจจุบัน จากนั้นก็จะมีการกระจายเกลือไปยังเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ซึ่งในสมัยนั้นจะใช้วิธีแลกเกลือกับสินค้าต่าง ๆ เช่น ปลาแห้ง เครื่องถ้วยชาม หรือเครื่องหมากเครื่องพลู เป็นต้น

การทำเกลือของชาวบ่อเกลือไม่ใช่แค่การนำน้ำขึ้นมาต้มให้เหลือเพียงเกลือเท่านั้น แต่การทำเกลือของที่นี่เปรียบเสมือนจิตวิญญาณ ความเชื่อ ที่สั่งสมมาแต่โบราณกาล ทุกปีจะมีการบวงสรวงเจ้าหลวง ตลอดจนมีพิธีกรรมต่าง ๆ เพื่อความเป็นสิริมงคล และเพื่อของคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่อนุญาตให้คนภายนอกขึ้นไปบนบริเวณบ่อเกลือนอกเหนือจากชาวบ้านที่ทำเกลือเท่านั้น

ภูลังกา

คุณทวน อุปจักร์ เจ้าของบ่อเกลือวิว บอกกับผมว่า “เคยนำเกลือที่บ่อหนึ่งส่งไปวิจัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผลที่ได้คือเกลือมีความบริสุทธิ์ถึง 97.6 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเกลือบริสุทธิ์จากทั่วโลกเราจะอยู่อันดับสี่หรือห้า ในวงการแพทย์ถือว่าเป็นเกลือที่ดีที่สุด” แต่จริง ๆ แล้วบ่อเกลือก็ไม่ได้มีเพียงเกลือเท่านั้น คุณทวนบอกว่า “บ่อเกลือยังมีเรื่องราวผสมผสานระหว่างร่องรอยแห่งอดีตกับวิถีชีวิตของผู้คน มีโครงการภูฟ้าพัฒนาของสมเด็จพระเทพฯ ที่ทรงตั้งขึ้นมา เพื่อลดการทำลายป่า พลิกผืนป่าบ่อเกลือให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง และที่สำคัญที่บ่อเกลือมีอากาศที่บริสุทธิ์ตลอดทั้งปี”

ผมเคยเดินทางมาบ่อเกลือหลายครั้งในรอบหลายปี บ่อเกลือเติบโตอย่างช้า ๆ ด้วยวิถีชีวิตที่ยังคงเดิม คนบ่อเกลือส่วนหนึ่งยังคงดำรงชีพด้วยการทำเกลือจากบ่อ 2 บ่อ ที่ยังมีสภาพสมบูรณ์ ชุมชนอาจจะมีการขยายตัวมากขึ้น แต่ก็ยังไม่รู้สึกอึดอัด ที่เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนมากที่สุด คือ มีบ้านพักและรีสอร์ทเกิดขึ้นหลายแห่ง การเดินทางมาบ่อเกลือสมัยเริ่มแรกราวยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ผมต้องนอนที่โรงเรียนเพื่อเดินทางต่อขึ้นภูแว แต่วันนี้บ่อเกลือมีที่พักให้บริการมีสิ่งอำนวยความสะดวกในระดับหนึ่ง ภายใต้บริบทของความเปลี่ยนแปลงลำน้ำมางยังคงทำหน้าที่ของมันเช่นเดิม แม้จะดูตื้นเขินลงไปกว่าเมื่อก่อน น้ำบ่อเกลือที่เคยมีก็ไม่เคยเหือดแห้ง การเดินทางของทุกชีวิตยังคงเดินหน้าอย่างที่มันเคยเป็น ชุมชนบ่อเกลืออาจจะเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่นั่นไม่ได้ทำให้จิตวิญญาณของความเป็นชุมชนที่ยังคงดำรงชีพ ด้วยการต้มเกลือใจกลางหุบเขาที่เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวของเมืองไทยหายไป

ภูลังกา

เกลือวันนี้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่หายากเช่นในอดีต ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญของยุทธศาสตร์การปกครอง ที่จะต้องแย่งชิงเพื่อครอบครอง เปล่าประโยชน์ที่จะพูดถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งไม่สามารถตอบคำถามคุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ได้เลย เกลือที่บ่อเกลือถุงละ 20 บาท ไม่สามารถสร้างตัวเลขทางเศรษฐกิจได้มากมายอะไรนัก แต่คุณค่าร่องรอยแห่งอดีตเมื่อร่วมพันปี วิถีชีวิตของผู้คนที่ยังดำรงอยู่ และไออุ่นของธรรมชาติท่ามกลางอากาศที่ยังบริสุทธิ์ต่างหาก คือคุณค่ายั่งยืน ที่ไม่อาจนำเม็ดเงินมาประเมินได้

ผมเคยถามตัวเองเหมือนกันว่าหากบ่อเกลือไม่มีเกลือจะเป็นเช่นไร แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ หลายร้อยปีมาแล้วที่น้ำเกลือในบ่อไม่เคยเหือดแห้ง หลายร้อยปีมาแล้วที่ความเค็มของมันก็ไม่เคยจืดจาง เคยเป็นอยู่อย่างไรก็เป็นอยู่อย่างนั้น แม้นเวลาจะผันผ่านเนิ่นนานเพียงไรก็ตาม

ภูลังกา


ก้าวใหม่ของการเดินทางสู่ผาจิ ผาช้าง ดอยวาว

ผมเลือกใช้ทางหลวงหมายเลข 1081 จากบ่อเกลือ-อำเภอเฉลิมพระเกียรติ-อำเภอท่าวังผา เพื่อเดินทางไปอุทยานแห่งชาตินันทบุรี แม้ว่าระยะทางการเดินทางจะไกลกว่าเดิม แต่ผมก็เลือกใช้เส้นทางสายนี้ เพราะมันลัดเลาะไปตามชายขอบประเทศ ผ่านขุนเขาน้อยใหญ่และผืนป่าที่ยังอุดสมบูรณ์บริเวณต้นน้ำน่าน ผสมผสานไปกับวิถีชีวิตของผู้คนที่ยังไม่ถูกสังคมเมืองกัดกลืนจนมากนัก เส้นทางสายนี้เคยเงียบเหงาอย่างไร วันนี้ก็ยังเงียบเหงาอย่างนั้น นาน ๆ ถึงจะมีรถสวนสักคัน ถามว่าเปลี่ยวไหม ผมคงบอกว่านิดหน่อย ก็ไม่ถึงขนาดว่าจะเป็นอันตราย อย่างไรก็แนะนำว่าไม่ควรใช้ยามค่ำคืนครับ

เส้นทางสายนี้ถือเป็นเส้นทางภูเขาที่สวยเส้นทางหนึ่งของน่าน ลาดยางมานานแล้ว ทรุดโทรมไปตามสภาพ รถเก๋งสามารถวิ่งได้สบาย ๆ จะแวะเที่ยวด่านห้วยโก๋น ซึ่งวันนี้กลับมาคึกคักไปด้วยขบวนรถสิบล้อและรถเทรลเลอร์ขนาดใหญ่ เพื่อขนวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างไปสร้างโรงงานไฟฟ้าที่เมืองหงสา ประเทศลาว แล้วส่งกลับมาขายให้ไทย

ภูลังกา

เส้นทางจากห้วยโก๋นไปเมืองหงสาปัจจุบันลาดยางอย่างดีตลอดสาย ไม่ต้องนอนกลางทางเหมือนสมัยที่ผมเคยขับรถเข้าไปหลวงพระบาง การขับรถเข้าไปหลวงพระบางวันนี้จึงสะดวกกว่าในอดีตเพราะด่านห้วยโก๋นเปิดเป็นด่านสากลแล้ว การนำรถผ่านเข้าออกเพื่อการท่องเที่ยวและปัญหาต่าง ๆ ได้รับการแก้ไข เส้นทางจากห้วยโก๋นเข้าหลวงพระบางกลายเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม เป็นอีกทางเลือกของคนที่ชอบขับรถเที่ยวระหว่างประเทศ

จากบ่อเกลือไม่ถึง 200 กิโลเมตร ก็ถึงอุทยานแห่งชาตินันทบุรี ซึ่งตั้งอยู่บนสันดอยติ้ว มองเห็นทิวทัศน์รอบตัว นี่คือ อุทยานฯ ที่มีทำเลที่ตั้งบนสันเขาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง โดยไม่มีปัญหาเรื่องน้ำมากวนใจ อุทยานแห่งชาตินันทบุรีอยู่ระหว่างการประกาศจัดตั้ง มีเนื้อที่ราว 548,125 ไร่ หรือ 877 ตารางกิโลเมตร มียอดดอยวาวซึ่งสูงจากระดับทะเลปานกลางราว 1,674 เมตร เป็นยอดเขาสูงสุด พื้นที่แถบนี้ในอดีตเมื่อปี พ.ศ. 2511 อยู่ใต้อิทธิพลของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ซึ่งมีกองกำลังติดอาวุธต่อสู้กับอำนาจรัฐ เพื่อปลดปล่อยประเทศ สงครามทางความคิดระหว่างคนในชาติที่จับอาวุธขึ้นต่อสู้กันเอง นำมาซึ่งความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินมหาศาล นอกเหนือจากภาวะจิตใจที่ต้องใช้เวลายาวนานในการเยียวยา

ภูลังกา

ดอยวาว ดอยผาจิ ผาช้าง ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์การต่อสู้ที่สำคัญภายใต้ยุทธการดอยผาจิ ที่คนในยุคสมัยเมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้วล้วนรู้จักดี หลังจากปี 2525 เหตุการณ์ต่าง ๆ เริ่มสงบลง ดินแดนที่ถูกปิดตายในอดีตได้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของเมืองน่าน ภายใต้พื้นที่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาช้าง อุทยานแห่งชาตินันทบุรี หน่วยจัดการต้นน้ำน้ำคาง ครอบคลุมพื้นที่ ดอยผาจิ ดอยผาวัว ดอยผาช้าง และดอยวาว

หากจะบอกว่านี่คือทะลุขนเขาผืนใหญ่ของเมืองน่าน บนเส้นทางรอยต่อกับพะเยาก็คงไม่ผิดนัก ที่นี่นอกเหนือจากร่องรอยทางประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางความคิดของคนในชาติในอดีตที่กำลังจางหาย ยังเต็มไปด้วยความงดงามของทะเลขุนเขา โอบล้อมด้วยผืนป่าซากุระผืนใหญ่ ที่หน่วยจัดการต้นน้ำน้ำคาง อีกทั้งเป็นถิ่นที่อยู่ของนกนานาชนิด โดยเฉพาะที่ดอยวาว ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแหล่งดูนกที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ทำให้พื้นที่แห่งนี้มีความหลากหลายทางธรรมชาติ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวกลุ่มต่าง ๆ ได้อย่างครบถ้วน จนลืมเรื่องราวประวัติศาสตร์ครั้งก่อนเก่าจนหมดสิ้น

ภูลังกา


มหัศจรรย์สายหมอกฝนหลงฤดูที่ภูลังกา

จากนันทบุรีผมย้อนกลับไปยังท่าวังผา เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1148 (อำเภอสองแคว-อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา) ผ่านอุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน ราวหลักกิโลเมตรที่ 90 จะมีทางแยกขวามือขึ้นภูลังกา ประมาณ 5 กิโลเมตร จะเป็นที่ตั้งศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 โดยมีวัตถุประสงค์ให้ชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง เย้า ลดการปลูกฝิ่นและการทำลายป่า ด้วยโครงการพัฒนาส่งเสริมอาชีพทดแทน ปัจจุบันชาวไทยภูเขาเหล่านั้นได้หันมาประกอบอาชีพเกษตรกรรม พืชผักผลไม้เมืองหนาว เพื่อเป็นของฝากของนักท่องเที่ยว วิถีชีวิตของชาวไทยภูเขาปรับเปลี่ยนไปตามกระแสธารของการพัฒนา วันนี้การทำลายป่าลดลง ผืนป่ารุ่นใหม่กลับมาเติบโตอีกครั้ง

จากศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่าราว 4 กิโลเมตร เส้นทางลาดยางสายนี้สิ้นสุดที่วนอุทยานภูลังกา บนเขตพื้นที่จังหวัดพะเยา รอยต่อกับจังหวัดน่าน มีเนื้อที่ประมาณ 7,800 ไร่ ชาวไทยภูเขาเผ่าเมี่ยนเรียกภูลังกาว่า “ฟินจาเบาะ” หมายถึง ภูเทวดา ซึ่งน่าจะหมายถึงยอดภูลังกา ซึ่งอยู่สูงจากระดับทะเลปานกลางราว 1,720 เมตร นี่คือยอดเขาที่มีความสูงมากที่สุดของเทือกเขาสันปันน้ำไทย-ลาว ด้านทิศเหนือประกอบด้วยยอดดอยภูนม สูงจากระดับทะเลปานกลางราว 1,600 เมตร ดอยหัวลิง แต่ละยอดเขาสามารถเดินเชื่อมต่อกันได้

ภูลังกา

การเดินทางขึ้นยอดภูลังกาไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากมีเส้นทางออฟโรดจากที่ทำการวนอุทยานฯ ขึ้นไปจนถึงเชิงภู เดินเท้าต่ออีกราว 1 กิโลเมตรเท่านั้นเอง นี่เป็นยอดเขาที่มีระดับความสูงเกิน 1,700 เมตร ที่มีระยะทางการเดินเท้าสั้นที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ภูลังกามีโครงสร้างทางกายภาพคล้ายดอยม่อนจอง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ แต่มีสันดอยที่เดินเชื่อมต่อถึงยอดดอยต่าง ๆ สั้นกว่า บนยอดดอยเป็นสันทุ่งหญ้าผสมผสานไปกับผืนป่าดิบและมวลไม้ดอกตามฤดูกาล สามารถซึมซับกับโลกธรรมชาติเบื้องล่าง กว้างไกลถึงแนวเขตขุนเขารอยต่อประเทศลาว

ชีวิตที่ภูลังกาเริ่มต้นในยามเช้าก่อนดวงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า มีทิวเขาสลับซับซ้อน สายหมอก ดอกไม้ ท้องทุ่งหญ้า เป็นผู้ร้อยเรียงเรื่องราวผ่านแสงแรกแห่งตะวัน ท่ามกลางความเหน็บหนาว สายฝนหลงฤดูก่อให้เกิดสายหมอกขึ้นปกคลุมหนาแน่นเหนือความคาดหมาย ธรรมชาติมักเดินทางมาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงเสมอ

ภูลังกา

สายหมอกที่เริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อย และเพิ่มจำนวนมากขึ้นยามต้องแสงแรกของตะวัน แม้จะมีความงดงามเพียงไร แต่ชีวิตของสายหมอกก็ไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการของสายลมที่พาดผ่าน ซึ่งจะเป็นผู้นำพาชีวิตไปยังหุบเขาลูกโน้นลูกนี้ โดยที่ตัวมันเองไม่อาจควบคุมและต้านทาน

ในบางห้วงความรู้สึก ชีวิตเราบางครั้งก็ไม่ต่างจากสายหมอก ที่ไม่สามารถกำหนดเส้นทางชีวิตของตัวเอง ในช่วงเวลาหนึ่งผมอยากสวมเสื้อสีอะไรก็ได้ตามใจปรารถนา แต่วันนี้สีเสื้อกลายเป็นเครื่องบ่อบอกถึงความแตกต่าง ที่จำเป็นต้องเลือกแม้ไม่ต้องการ สีเสื้อกลายเป็นสัญลักษณ์ของความแปลกแยก ที่กำหนดชีวิตคนให้แตกต่างกัน ผมอยากกลับไปสวมเสื้อสีอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องมีเส้นบาง ๆ มาขีดกั้นความรู้สึก สายไปไหมถ้าผมจะบอกว่า ขออิสระสีเสื้อของผมคืนกลับมา

ภูลังกา

คู่มือนักเดินทาง

เส้นทางท่องเที่ยวผ่านทะเลขุนเขารอยต่อของจังหวัดน่านและพะเยา ที่มีเรื่องราวค่อนข้างหลากหลาย เริ่มจากเมืองน่าน ใช้ทางหลวงหมายเลข 1080 (น่าน-อำเภอเฉลิมพระเกียรติ) ผ่านอำเภอท่าวังผา ถึงอำเภอปัว เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1256 (อำเภอปัว-อำเภอบ่อเกลือ) จากบ่อเกลือใช้ทางหลวงหมายเลข 1081 (อำเภอบ่อเกลืออำเภอเฉลิมพระเกียรติ-อำเภอทุ่งช้าง-อำเภอปัว-อำเภอท่าวังผา) ก่อนถึงท่าวังผาจะมีทางแยกขาวมือเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1148 (อำเภอท่าวังผา-อำเภอสองแคว) ประมาณ 1.5 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1082 (นาหนุน-บ้านสบขุ่น) ราวหลักกิโลเมตรที่ 27 จะมีทางแยกขวามือ (ทางดิน ถ้าฝนไม่ตกรถเก๋งสามารถเข้าได้) ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาตินัทนบุรี จากอุทยานฯ ประมาณ 1 กิโลเมตร จะถึงหน่วยจัดการต้นน้ำน้ำคางหรือดอยวาว

จากอุทยานแห่งชาตินันทบุรี ย้อนกลับทางเดิม เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1148 (อำเภอท่าวังผา-อำเภอสองแคว-อำเภอเชียงคำ) ก่อนถึงบ้านสิบสองพัฒนา มีทางแยกขวามือขึ้นไปวนอุทยานภูลังกา ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร จากวนอุทยานฯ ขึ้นภูลังกาควรใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ (ติดต่อสอบถามเรื่องการเช่ารถได้ที่วนอุทยานฯ)

ภูลังกา

 

15.พิพิธภัณฑ์ภาพวาด 3 มิติ

แจ่ม! Art in Paradise พัทยา พิพิธภัณฑ์ภาพวาด 3 มิติ

แจ่ม! Art in Paradise พัทยา พิพิธภัณฑ์ภาพวาด 3 มิติ

Art in ParadiseArt in Paradise

Art in Paradise
Art in ParadiseArt in Paradise

Art in Paradise
Art in Paradise

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ เดี๋ยวก็รู้ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

ไปเที่ยวพัทยากันเถอะ! ฟังดูคุ้นเค๊ย คุ้นเคย แต่ไม่เชยนะจ๊ะ เพราะวันนี้ที่พัทยาเขามีทีเด็ดมาให้แวะเที่ยวกันอีกแล้ว หลายคนคงเคยเห็นภาพวาด 3 มิติ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนจริงสุด ๆ จากต่างประเทศกันมาบ้าง ทั้งจากฟอร์เวิร์ดเมล รูปถ่าย หรือคลิปวิดีโอ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นของจริงสักที ว่าภาพ 3 มิติเหล่านั้นจะเหมือนจริงขนาดไหน -_-‘

โชคดีเป็นของคุณ! เพราะเดี๋ยวนี้ไม่ต้องไปหาดูไกลถึงต่างประเทศแล้วจ้า เชิญตรงดิ่งไปพัทยาแล้วแวะเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ Art in Paradise ให้เพลินตาเพลินใจกันได้เลย เพราะที่นี่เขารวบรวมศิลปะภาพวาด 3 มิติ แบบเหมือนจริงสุด ๆ มาไว้ให้ได้เข้าชมกันเป็นร้อยรูปเลยล่ะ แถมวันนี้กระปุกท่องเที่ยวก็ได้นำเอารีวิวภาพของ คุณ เดี๋ยวก็รู้ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มาให้ชมเป็นการเรียกน้ำจิ้มด้วย ส่วนจะเด็ดแค่ไหนต้องตามไปดูกันเลย…

Art in ParadiseArt in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise พิพิธภัณฑ์ศิลปะเก๋ ๆ ที่รวบรวมเอาภาพวาด 3 มิติ เอาไว้มากกว่า 140 ภาพ บนพื้นที่ประมาณ 5,800 ตารางเมตร โดยมีศิลปินชาวเกาหลีใต้ ชิน แจ ยอล (Shin Jae Yeoul) เป็นผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ ด้วยการเนรมิตพัทยาพัลลาเดียมเก่าให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสุดอลังการ ชนิดที่ว่าคนรักการถ่ายภาพมาเห็นเป็นต้องแชะภาพแบบนันสต๊อปเลยล่ะ

นอกจากนี้ เขายังแบ่งห้องแสดงภาพออกเป็น 10 ห้องด้วยกัน เพื่อจัดแสดงภาพให้เป็นหมวดหมู่ มีทั้ง ห้องลวงตา, ห้องใต้สมุทร, ห้องสัตว์ป่า, ห้องภาพจิตรกรรมของศิลปินระดับโลก, โถงอารยธรรม, ห้องศิลปะเหนือจริง, ห้องไดโนเสาร์, ห้องน้ำตกสูงชัน, ห้องวิวทิวทัศน์ และสุดท้ายห้องนิทรรศการศิลปะ ที่ตั้งใจเตรียมไว้สำหรับจัดแสดงผลงานทางศิลปะของศิลปินที่สนใจจะเข้าไปใช้พื้นที่ด้วย

Art in ParadiseArt in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

ภาพทุกภาพในพิพิธภัณฑ์ Art in Paradise แห่งนี้ ถูกวาดขึ้นบนกำแพงสีขาวในแบบที่ไม่มีตัวช่วยใด ๆ ถ้าเอามือไปสัมผัสจะพบได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในภาพไม่เว้นแม้แต่กรอบรูปคือสิ่งที่วาดขึ้นมาทั้งหมด แม้กระทั่งบันไดสูงชันที่อาจเผลอก้าวขาขึ้นโดยไม่รู้ตัวก็เป็นเพียงบันไดภาพวาดบนพื้นราบเรียบเท่านั้น ที่สำคัญคือนอกจากภาพวาดทั่วไปแล้ว เขายังเอาใจคนไทยด้วยภาพวาดที่แสดงอารยธรรมไทยหลายภาพ โดยเฉพาะภาพสระบัวที่มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ เป็นภาพที่ดูอบอุ่นและเข้าใจแก่นแท้ของศาสนาพุทธได้ดีทีเดียว

ข้อดีของที่นี่ คือ เขาอนุญาตให้ถ่ายรูปเล่นกับภาพศิลปะเหล่านั้นได้อย่างอิสระ โดยเขาจะมีการตัวอย่างการโพสท่าเอาไว้ให้ แต่ถ้าใครอยากสร้างสรรค์ท่าถ่ายรูปใหม่ ๆ ก็เชิญเต็มที่เพราะแน่นอนว่าภาพวาดทุกชิ้นจะมีคุณค่ามากขึ้นก็ต่อเมื่อผู้เข้าชมได้มีส่วนร่วมกับภาพ ให้ภาพดูมีชีวิตชีวาและสมจริงมากยิ่งขึ้น รวบรวมพลังสร้างสรรค์ที่คุณมีแล้วครีเอทท่าตามต้องการได้เลย

Art in ParadiseArt in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

ใครอยากลองไปสัมผัสความอาร์ตที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปพัทยาได้เลย หาไม่ยากแค่เลี้ยวขวาจากถนนสุขุมวิทเข้าพัทยาเหนือ ผ่านหน้าโลตัสและศาลากลางเมืองพัทยา เลี้ยวซ้ายไปทางบิ๊กซีพัทยาเหนือตรงไปอีก 300 เมตร ก็จะเจอพิพิธภัณฑ์ Art in Paradise แล้วล่ะ

art in paradise แผนที่
art in paradise แผนที่

สำหรับค่าเข้าชม คนไทยราคา 150 บาท, เด็กส่วนสูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร ราคา 100 บาท ส่วนชาวต่างชาติค่าเข้าชมราคา 500 บาท, เด็กส่วนสูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร ราคา 300 บาท โดยเปิดให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 21.00 น. ซึ่งสามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ถึงเวลา 20.00 น. ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 038-424-500

นั่นแน่! คุณเริ่มอยากไปสัมผัส Art in Paradise ด้วยตาตัวเองแล้วใช่ไหมล่ะ ^^

Art in Paradise Art in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

Art in Paradise

14.สิมิลัน…หมู่เกาะสวรรค์ของคนรักท้องทะเล

สิมิลัน…หมู่เกาะสวรรค์ของคนรักท้องทะเล

สิมิลัน…หมู่เกาะสวรรค์ของคนรักท้องทะเล

เกาะสิมิลัน

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Brianak สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

เรียกว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวฮอตฮิตติดอันดับโลกอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย สำหรับ “สิมิลัน”หมู่เกาะกลางทะเลอันดามันที่เป็นเลิศในด้านความงามของปะการังใต้ท้องทะเล อีกทั้งผู้คนจากทุกสารทิศต่างเดินทางไปท่องเที่ยวเพื่อชื่นชมกับความสวยงามของท้องทะเลใส ๆ หาดทรายขาว ๆ ทิวมะพร้าวพลิ้วไหวลู่ลมเย็น ๆ ไม่ขาดสาย

สำหรับ “หมู่เกาะสิมิลัน” ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา โดยคำว่า “สิมิลัน” เป็นภาษายาวีหรือมลายู แปลว่า เก้า หรือ หมู่เกาะเก้า เพราะหมู่เกาะสิมิลันเป็นหมู่เกาะเล็ก ๆ ในทะเลอันดามัน ที่มีอยู่ทั้งหมด 9 เกาะ เรียงลำดับจากเหนือมาใต้ ได้แก่ เกาะหูยง เกาะปายัง เกาะปาหยัน เกาะเมี่ยง (มี 2 เกาะติดกัน) เกาะปายู เกาะหัวกะโหลก (เกาะบอน) เกาะสิมิลัน และเกาะบางู ซึ่งหมู่เกาะเหล่านี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหมู่เกาะที่มีความงาม ทั้งบนบกและใต้น้ำที่ยังคงความสมบูรณ์ของท้องทะเล สามารถดำน้ำได้ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก

นั่นแน่! อยากไปสัมผัสหมู่เกาะสิมิลันด้วยตาตัวเองแล้วใช่ไหมล่ะ เอาเป็นว่าหากมีเวลาก็อย่าลืมไปเที่ยวสิมิลันกันดูนะจ๊ะ แต่ถ้ายังไม่มีโอกาสก็ตามเราไปชมบันทึกการเดินทางและรูปภาพสวย ๆ ของ คุณ Brianak สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม กันก่อนดีกว่า เพราะเขาเล่าเรื่องได้อย่างน่าชมทีเดียวล่ะ ^___^ และถ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วก็ตามเราไปเที่ยวกันเลยจ้า

กระทู้นี้ไม่อยากจะเรียกว่ารีวิวเลย ขอเรียกว่าเป็นการแบ่งปันภาพและบอกเล่าสิ่งที่ผมไปมาจะดีกว่า รู้สึกดีกว่าเพราะได้แบ่งปัน

สงกรานต์ไปไหน เป็นคำถามของคนชอบเที่ยว เพราะมันเป็นหยุดยาวของมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง ผมได้ซื้อทัวร์และจองที่พักในงานท่องเที่ยวที่ผ่านมา และตกลงปลงใจจะไปสิมิลันและตาชัย เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นก่อนเดินทางหนึ่งวัน…เกิดข่าวแผ่นดินไหว เอาละสิงานนี้จะเกิดสึนามิหรือเปล่า วันนั้นผมวุ่นทั้งวันว่าจะเปลี่ยนแผนดีหรือเปล่า หลังจากทราบว่าเหตุการณ์ปกติและประจวบเหมาะหลาย ๆ ลงตัวเลยได้ไป

เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีก เพราะระหว่างเดินทางรถติดช่วงชุมพรนานกว่า 1 ชั่วโมง ใจหวั่น ๆ มาก กลัวไปไม่ทันเรือตอนเช้า มันก็ไม่ทันจริง ๆ แผนการก็ต้องเปลี่ยนนอนเล่นอยู่ที่พักนั่นเพราะก็ติดทะเลเหมือนกัน ชิล ๆ แล้วกันวันนี้ แต่ได้ตกลงกับทัวร์ไปสิมิลันวันต่อไปแทน เอาล่ะ…ผมจะพาไปเที่ยวแล้ว

ขอให้ท่านมีความสุขในการแบ่งปันภาพของผมก็สุขใจแล้วครับ ขอบคุณครับ…

เกาะสิมิลัน

ถึงแล้วท่าเรือบ้านน้ำเค็ม ไม่ทันเรือไปสิมิลันและตาชัยเลยเปลี่ยนแผนไปพักเอาแรงพักผ่อนที่เกาะคอเขา รีสอร์ทที่จองไว้ก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยลุยสิมิลันกันครับ

เกาะสิมิลัน
เรือข้ามฟากคนละ 10 บาท ถ้าเอารถไปมีเรือเฟอร์รี่ใหญ่ข้ามไป 150 บาท ครับ
เกาะสิมิลัน
เรือประมงแถว ๆ บริเวณท่าเรือหมู่บ้านน้ำเค็มเยอะเลย…
เกาะสิมิลัน
เรือข้ามฟากลำนี้พาไปจากหมู่บ้านน้ำเค็มไปอีกฝั่ง คือ เกาะคอเขา ครับ
เกาะสิมิลัน

ถึงแล้วรีสอร์ท ที่พักในภาพนี้ไม่ใช่ที่ผมพักนะครับ ที่ผมพักมีห้องน้ำใหญ่เกือบเท่า ๆ ห้องนอน ที่ผมลงภาพนี้เพราะที่ผมพักต้นไม้บังหมดเลย ภาพนี้ฝนตั้งเค้ามาจะตกแล้วต้องรีบหาที่หลบก่อนครับ

เกาะคอเขา
บริเวณริมหาดหน้ารีสอร์ท เกาะคอเขา
เกาะคอเขา
เชิญแวะนอนชมลมทะเลที่นี่แบบสบาย ๆ ริมชายหาดก่อนครับ
เกาะคอเขา
ริมชายหาด ใกล้ฝนตก ลมพัดมาแรงกันเลยทีเดียว
เกาะคอเขา

ก่อนหน้านั้นอากาศยังร้อนมากอยู่เลย แป๊บเดียวฝนเริ่มตั้งเค้ามาแต่ไกล เสียงฟ้าแลบก็ดัง และมาพร้อมลมไล่ตามกันมาเรื่อย ๆ

เกาะคอเขา
มื้อแรกนั่งทานข้าวเที่ยงตรงนี้ละครับ
เกาะคอเขา
เกาะคอเขา
เดินไปดูบรรยากาศยามค่ำคืนริมชายหาดบ้างดีกว่า เห็นว่าจะมีปาร์ตี้เล็ก ๆ
เกาะคอเขา
พนักงานโชว์ควงไฟด้วย รีบมาถ่ายแต่ได้ไม่กี่ภาพ วันที่ผมไปฝรั่งไปพักเยอะเลยที่นี่
เกาะคอเขา
          เช้าแล้วมีนัดกับทัวร์ที่ท่าเรือบ้านน้ำเค็ม ก่อนไปดำน้ำที่สิมิลันไปชมภาพทะเลยามเช้าหน้ารีสอร์ทกันก่อนนะครับ
เกาะคอเขา

ชายหาดทะเลยามเช้าก็สวยไปอีกแบบ

เกาะคอเขา

รถตู้มารับผมที่ท่าเรือบ้านน้ำเค็มเพื่อเดินทางไปท่าเรือทับละมุ และขึ้นเรือต่อไปสิมิลัน ผมขอชมไกด์คนนี้นะครับ เที่ยวอย่างอนุรักษ์เป็นยังไงเขาอธิบายได้ดีมาก อย่าได้ให้อาหารปลา อาหารเต่า อย่าไปแตะตัวมัน…เมื่อขึ้นเรือสปีดโบ๊ทเขาไม่ให้สูบบุหรี่ ทริปที่ผมไปมีฝรั่งกลุ่มหนึ่งสูบ ไกด์ต้องรีบไปห้ามเพราะว่ากลัวเกิดประกายไฟระเบิดกับน้ำมันที่เรือได้

เกาะสิมิลัน

ถึงแล้วเกาะ (บอกตรง ๆ ผมจำชื่อเกาะนี้ไม่ได้) จำได้แต่ว่าได้เจอเต่าด้วย…ความจำสั้นจริง ๆ เรา ที่นี่แหละทำให้ผมเหนื่อยมาก ผมขึ้นจากน้ำเป็นคนสุดท้ายจนโดนแซวว่าเป็นเต่า ก็ขำกันไป

เกาะสิมิลัน

ดำน้ำชมปะการังให้สมใจกันไปเลย แต่ความรู้สึกว่าสีสันของปะการังไม่ค่อยมีเท่าไร แต่ปลาเยอะอยู่ครับ

เกาะสิมิลัน

เจอแล้วพระเอกของเรา ตื่นเต้นกันเลยทีเดียวครับ ใช้กล้องถ่ายใต้น้ำถ่ายไว้ทัน…พวกเราได้มองเขาด้วยความตื่นเต้น ขอบคุณที่อยู่คู่ทะเลไทย ไม่ไปวางไข่ที่อื่นนะ อยู่กับสิมิลันนาน ๆ นะครับ …

เกาะสิมิลัน
ผมยังเห็นปลาอีกมากมาย ๆ ในที่แห่งนี้
เกาะสิมิลัน
ฝูงปลาเล็กปลาน้อย ธรรมชาติยังสมบูรณ์อยู่ตราบใดที่พวกเราไม่ไปทำลายเขามากเกินไป
เกาะสิมิลัน

ดำน้ำชื่นชมความงามใต้ท้องทะเลสิมิลันกันครับ เหนื่อยเหมือนกันเพราะไม่ได้ออกกำลังกายมา ดำน้ำทีโคตรเหนื่อยกันเลยทีเดียว แต่ยังไงก็สู้ตายครับ

เกาะสิมิลัน
ถึงแล้วเกาะสี่ จำชื่อได้เพราะว่าหาดทรายขาวสวย น้ำใสมาก และพวกเรารอทานอาหารเที่ยงกันที่นี่ครับ
เกาะสิมิลัน
เกาะสี่แห่งนี้เป็นที่ทำการของอุทยานแห่งชาติด้วยครับ
เกาะสิมิลัน
น้ำใสน่าเล่นไหมครับทุกท่าน
เกาะสิมิลัน

ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นปลาอยู่ในน้ำริมทะเลตรงชายหาดเลยครับ โอ้ว…สวยมาก ๆ ประทับใจสุด ๆ

เกาะสิมิลัน
มาเล่นน้ำด้วยกันครับ
เกาะสิมิลัน
มาชมบริเวณชายหาดกันบ้าง
เกาะสิมิลัน
รอบ ๆ ชายหาด
เกาะสิมิลัน
ชายหาดทรายขาวกับสาว ๆ สวย ๆ อยู่ไกล ๆ โน่นครับ
เกาะสิมิลัน
ผู้คนมากมายที่มาเยือนครับ
เกาะสิมิลัน
หิน ทราย ทะเล แสงแดด สายลม
เกาะสิมิลัน
มองทะเลที่นี่ แค่เห็นภาพกี่ครั้งก็เป็นสุขใจแล้วครับ
เกาะสิมิลัน
มีเต็นท์ที่พักกางกันเต็มบริเวณเลยครับ
เกาะสิมิลัน

หลังทานอาหารเรียบร้อยรอเวลาเพื่อขึ้นเรือต่อไปอีก 1 ที่ ตามด้วยไปเกาะที่เป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะสิมิลัน คือ เกาะแปด

เกาะสิมิลัน
ระวังหินข้างบนหล่นมานะครับ แหะ ๆ
เกาะสิมิลัน
วิวจากด้านบนหินเรือใบ ข้างบนร้อนมากเหยียบหินทีสะดุ้งกันเลย
เกาะสิมิลัน

หินนี่ร้อนเท้าจริง ๆ ไม่เชื่อลองไปเหยียบแล้วมาบอกกันนะครับว่าร้อนตามที่ผมบอกหรือเปล่า #เนียนชวนไปเที่ยว 555

เกาะสิมิลัน
อีกมุมสวยมากเลยครับ
เกาะสิมิลัน
เห็นหินเรือใบกันไหมครับ?
เกาะสิมิลัน
ชอบภาพมุมสูง ๆ นี่จัง
เกาะสิมิลัน

จากเที่ยวเกาะนี้เสร็จก็เหลืออีกที่ที่จะได้ไปเป็นที่สุดท้าย ก็คือ ท่าเรือที่เรามา (มุกของไกด์) เมื่อถึงท่าเรือก็เดินทางกลับด้วยรถตู้ของทัวร์ที่เรามาเมื่อเช้านี้ เขาจะไปส่งที่ท่าเรือบ้านน้ำเค็ม เพื่อเราจะได้นั่งเรือข้ามฟากไปพักที่รีสอร์ท

เกาะสิมิลัน

วันรุ่งต้องเตรียมตัวกลับเมืองกรุง จะจดจำความงามของทะเลไทยสวย ๆ ในใจตลอดไปครับ ไม่ค่อยชอบคนที่สูบบุหรี่บนชายหาดที่สวย ๆ แบบนั้นเลย สงสารธรรมชาติด้วยใจจริง แค่ก้นบุหรี่หรือขี้บุหรี่เล็ก ๆ น้อย ๆ อีกไม่นานมันคงสะสมทีละเล็กละน้อย อาจจะทำลายธรรมชาติไปแบบเราไม่คาดคิด อยากให้เที่ยวแบบอนุรักษ์ด้วยนะครับ

เกาะสิมิลัน

ภาพสุดท้ายของทริปนี้ผมลาด้วยภาพแมวที่ร้านขายของชำที่เกาะคอเขา ขอบคุณมากที่มาดูภาพที่ผมแบ่งปันและเล่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ … บ๊าย บาย เจอกันทริปหน้าครับ

13.เกาะตาชัย

ย่องเงียบดูปูไก่ ชมทะเลใส ๆ ณ เกาะตาชัย

ย่องเงียบดูปูไก่ ชมทะเลใส ๆ ณ เกาะตาชัย

เกาะตาชัย

เกาะตาชัย

เกาะตาชัย

เกาะตาชัย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ yaipearn สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

ดูเหมือนว่านอกจากความงดงามของน้ำทะเลสีฟ้า ทรายหาดสีขาวละเอียดนุ่มเท้า และความเงียบสงบแล้ว เกาะตาชัย แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งใหม่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ยังมีอีกหนึ่งความอันซีนของเกาะนี้ นั่นก็คือ การเดินป่าเข้าไปสัมผัสกับความอันซีนของ “ปูไก่” ปูน้ำจืดที่ชอบอาศัยอยู่ตามธารน้ำ มีลำตัวสีแดงสด ก้ามสีดำเคลือบน้ำเงิน แต่เวลาร้องจะมีเสียงคล้ายไก่ และชอบออกหากินในช่วงกลางคืน

นั่นแน่! เริ่มอยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะว่าปูจะร้องเป็นเสียงไก่ได้อย่างไร และน้ำทะเลบริเวณเกาะตาชัยจะสวยงามขนาดไหน ก็ตาม คุณ yaipearn สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไปเที่ยว “เกาะตาชัย” กันเลยดีกว่าจ้า ^^

 “เขาบอกว่า โชคดีมากที่ได้ถ่ายปูไก่ บนหาดทราย … มาบอกตอนถ่ายไปแล้ว กดมานิดเดียวเอง” … เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เป็นช่วงอาทิตย์แรก ๆ ของการเปิดเกาะ

เกาะตาชัย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และอยู่ไม่ไกลจาก หมู่เกาะสุรินทร์ มากนัก และถูกพบครั้งแรกโดยชายที่ชื่อ ตาชัย ทำให้ตั้งชื่อเกาะตามคนค้นพบว่า เกาะตาชัย โดยถูกสำรวจพบมานานแล้ว แต่เพิ่งจะขึ้นตรงกับ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ไปยลโฉมความงามได้ไม่นาน ทำให้ตอนนี้บน เกาะตาชัย ยังไม่มีบ้านพักไว้คอยบริการ แต่ทางอุทยานฯ อนุญาตให้กางเต็นท์พักค้างคืนได้ มีห้องน้ำแยกชายหญิงเป็นสัดส่วน โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ซึ่งช่วงเวลาที่ เกาะตาชัย งดงามที่สุดคือเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน จากนั้นจะปิด 6 เดือน เพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟู

สำหรับจุดเด่นที่ทำให้ เกาะตาชัย กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใคร ๆ ก็อยากเดินทางไปชื่นชม คือ ชายหาดทรายขาวเม็ดละเอียด เนื้อนุ่ม ที่มีความยาวทอดตัวขนานไปกับผืนน้ำประมาณ 700 เมตร และการเดินป่าเข้าไปดู “ปูไก่” ปูน้ำจืดที่ชอบอาศัยอยู่ตามธารน้ำ มีลำตัวสีแดงสด มีก้ามสีดำเหลือบน้ำเงิน เวลาร้องจะมีเสียงคล้ายไก่ ชอบออกหากินในช่วงกลางคืน รวมถึงเป็นจุดดำน้ำดูปะการังที่ทอดตัวยาวขนานกับชายหาด ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวที่ไม่อยากค้างคืน สามารถซื้อแพ็คเกจแบบเช้าไปเย็นกลับ (One Day Trip) ได้ที่ ท่าเรือคุระบุรี อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา และที่ ท่าเรือทับละมุ อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา

การเดินทาง : ท่าเรือทับละมุ อำเภอท้ายเหมือง อยู่ห่างจากอำเภอเมือง 70 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายพังงา-ตะกั่วป่า และเป็นท่าเรือที่อยู่ใกล้อุทยานหมู่เกาะสิมิลันมากที่สุด ซึ่งจากท่าเรือทับละมุใช้เวลาในการเดินทางไป เกาะตาชัย ประมาณ 3-4 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน 93 หมู่ 5 บ้านทับละมุ ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา 82210 โทรศัพท์ 0 7642 1365 สำนักงานบนฝั่ง โทรศัพท์ 0 7659 5045

 ท่องเที่ยวเกาะตาชัย : การเดินทางท่องเที่ยวเกาะตาชัย สามารถซื้อแพ็คเกจแบบเช้าไปเย็นกลับ (One Day Trip) กับบริษัททัวร์ที่ให้บริการนำเที่ยว ราคาจะอยู่ที่ 2800 – 3200 บาท รวมอาหาร ดำน้ำ และรถรับส่ง โดยการเดินทางไปเที่ยวเกาะตาชัย สามารถเดินทางได้ทั้งจากจังหวัดพังงา หรือจะเดินทางจากภูเก็ตก็ได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ททท., pantip.com, andamanparadise.net และขอบคุณ Love Andaman

เกาะตาชัย

มาเล่ากันต่อครับ ผมเที่ยวแบบวันเดย์ทริป 2800 บาท ดำน้ำเกาะตาชัย คือไปกับ Love Andaman ก็จะมีรถมารับตอนเช้า ของผมนี้นัดแปดโมงเช้าที่โรงแรม ผมพักที่ เขาหลัก ไดมอนด์ บีช รีสอร์ท เขาหลัก พังงา ใกล้ ๆ ท่าเรือ โดยมารับผมเป็นคนสุดท้าย แล้วก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาทีก็มาถึงท่าเรือ

เกาะตาชัย

ลงทะเบียนรับสายข้อมือ เกาะตาชัยสีเหลือง เกาะสิมิลันสีชมพู … กาแฟ ของว่างเพียบ แต่ผมขอผ่าน กลัวให้อาหารปลาครับ ส่วนใครเมาเรือทานเลยครับ ระยะเดินทางด้วย

เกาะตาชัย

ใครจะดำน้ำ ก็มาเลือกฟินตีนกบกับหน้ากากดำน้ำได้เลยครับ ของใครของมันรับผิดชอบเอง

เกาะตาชัย
กล้องใต้น้ำมีให้เช่าด้วยนะครับ พันกว่าบาท
เกาะตาชัย

และการนั่งเรือไปเกาะตาชัย มี 2 ท่าเรือ คือ ท่าเรือทับละมุ และท่าเรือบ้านน้ำเค็ม วันนี้เราขึ้นที่ท่าเรือทับละมุ ฟ้าเป็นใจมาก แต่ไม่ใช่ลำนี้นะคับ ผมออกมาเดินเก็บรูปรอบ ๆ

เกาะตาชัย
เรือประมงเล็กเข้าท่าพอดี
เกาะตาชัย

มีบอกรายละเอียดก่อนออกเรือเล็กน้อยจากไกด์ของเรา เดินไปท่าเรือครับ เราจะถอดรองเท้าทิ้งไว้ที่ท่าเรือ

เกาะตาชัย
เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ทานยาแก้เมา
เกาะตาชัย
พร้อมลงเรือครับ
เกาะตาชัย

สปีดโบ๊ทสองเครื่องยนต์ คำรามก้องคุ้งน้ำ ใช่เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที ขึ้นอยู่กับคลื่นลม ผมเมาเรืออีกสักพักคงหนีหลับก่อนนะคับ

เกาะตาชัย

ก่อนออกปากอ่าว ทางซ้ายมือมีศาลเพียงตา ก็บีบแตรทำความเคารพ…ไหว้เพื่อสิริมงคล

เกาะตาชัย

ผมสะดุ้งตื่นมาเมาขึ้ตา เมาเรือผสมกัน คลื่นก็แรงนิดหน่อย เดินไปหัวเรือได้แทบแย่ กดไว้ก่อนครับ

เกาะตาชัย

ฟ้าสีฟ้า น้ำสีเขียวอ่อน ไม่ได้โม้ ไม่ได้แต่งเติม หมุนกล้องไปหันหลังให้พระอาทิตย์ ได้มุมสีจัด ๆๆ แบบนี้แน่เลยครับ เทคนิคไม่มีอะไรมากมาย ถ้ามี ฟิลเตอร์ CPL ก็เอามาใส่แล้วก็หมุน ๆ แล้วก็ดูว่าน้ำใสที่สุด

เกาะตาชัย
อารมณ์ของแต่ละคนที่เห็นเป็นครั้งแรก สำหรับผมนะ คนอื่นไม่ทราบ
เกาะตาชัย

น้ำทะเลสะท้อนกันแสงแดดเข้าตาครับ เจอแดดแรง ๆ แบบนี้ ถ่ายระบบออโต้ ปรับให้วัดแสง -1 สต็อป สีจะเข้มขึ้นครับ

เกาะตาชัย

รูปง่าย ๆ เห็นอะไรก็กด ใช้กว้าง ๆ ก่อนสักรอบหนึ่ง ตอนถ่ายเล่นแอ็คชั่นรอให้คลื่นซัดมาก่อนครับ

เกาะตาชัย

ทะเลโล่ง ๆ หาดทรายขาว ยาว 700 เมตร งานเข้า ไม่รู้จะถ่ายอะไร คิด ๆ ถ่ายแอ็คชั่นดีกว่า จับคลื่น แต่ที่มันเอียงเพราะ ไม่ได้เล็งครับ กะ ๆ เอา ใช้โหมด P ปรับให้อันเดอร์ -1 สต็อป ถ้าสีน้ำไม่เข้ม ก็ให้อันเดอร์ -1.7 สต็อป

เกาะตาชัย

มาเที่ยวทั้งทีพกเมมโมรี่กล้องมาเยอะ ๆ กดไม่ต้องคิด กว้าง ๆ ก็หาฉากหน้าหน่อย ถ่ายคนก็ต้องระวัง พวกยุโรปไม่ค่อยชอบให้ถ่าย ต้องขอครับ

เกาะตาชัย

มาเที่ยวทะเล ถุงกันน้ำ 15 ลิตร 20 ลิตร ใหญ่ดีกว่าเล็กครับ ใบ 10 ลิตร ผมไม่ได้ใช้เลย

เกาะตาชัย

เรามาถึงก็ 11 โมง แบ่งเป็นสองกรุ๊ป เล่นน้ำที่เกาะกับไปดำน้ำ เดาได้เลยครับ ผมไม่ไปดำน้ำแน่นอน

เกาะตาชัย
ผมหมดมุกแล้ว โดนแดด เมาเรือ ขอขึ้นไปถ่ายบนเกาะก่อนนะ
เกาะตาชัย

บนเกาะมีน้ำจืดด้วย สวรรค์…เอาน้ำมาจากไหน น้ำฝนกับน้ำเก็บบนเขา โอ้ว…เลิศครับ  ผมรีบล้างน้ำทะเลแต่ไม่คันนะคับ

เกาะตาชัย
มาดูทีมงานปรุงอาหารเที่ยง
เกาะตาชัย
ที่พักเป็นของอุทยานฯ ครับ
เกาะตาชัย
ห้องน้ำสะอาดครับ ใหญ่กว้างขวาง
เกาะตาชัย
มุมไหนก็สวย ๆ ขอเวลาคิด ๆ หน่อย
เกาะตาชัย
หาดทรายยาว ๆ น้ำใสมาก ๆ
เกาะตาชัย
แค่คลื่นสวย ๆ น้ำสีเขียว สีฟ้า โอ้ว…เรียกไม่ถูก ต้องไปดูด้วยตาเองครับ
เกาะตาชัย
ถ่ายแบบนี้ต้องบ้าหน่อยนะครับ น้ำทะเลจิบ ๆ
เกาะตาชัย

อย่าถามว่าเปียกไหม ลงลุยไปจนจะถึงอก พอคลื่นมาก็ต้องระวังให้ดีนะคับ จะได้รูปที่แปลกตา

เกาะตาชัย
มองไปเห็นอะไรก็กด ๆ ค่าใช้จ่ายแทบไม่มี พกเมมโมรี่กล้องมาเยอะ ๆ
เกาะตาชัย
รอบบ่ายใครจะไปดำน้ำขึ้นเรือครับ
เกาะตาชัย
ผมขอถ่ายสาว ๆ ดีกว่า
เกาะตาชัย
หาอะไรถ่ายไปเรื่อย ๆ มันสวยจริง ๆ นะ
เกาะตาชัย
อันนี้น้องกล้องผมไม่ต้องคิดครับ เบา ๆ ชิล ๆ โดนไปเต็ม ๆ
เกาะตาชัย

แล้วเราก็เจอพระเอก แต่ยังไม่รู้ว่าไม่ได้หาเจอกันง่าย ๆ ก็เลยกดมานิดหน่อย สรุปเสียดายมาก

เกาะตาชัย
แล้วก็มาทานข้าวครับ
เกาะตาชัย
ทานข้าวเสร็จก็ไปเดินป่าหาปูไก่ ระยะทาง 300 เมตร แต่เท้าเปล่าครับ
เกาะตาชัย
เดินป่า ขอเงียบเสียงหน่อยครับ
เกาะตาชัย
ผมดูเจอตัวเดียว
เกาะตาชัย
ปูเสฉวนอีกตัว มันใหญ่มาก
เกาะตาชัย
ก็มาออกอีกด้านหนึ่งของหาด

เกาะตาชัย

หาดทรายขาว…สวย

เกาะตาชัย

กำลังจะหมดมุมที่จะถ่าย

เกาะตาชัย

“พี่ ๆ ไปจุดชมวิวหลังเกาะไหม”…ผมตอบไปแบบไม่ต้องคิด

เกาะตาชัย

เดินตามไปต้อย ๆ

เกาะตาชัย

ทางขึ้นจุดชมวิว

เกาะตาชัย

ออกมาต้อนรับเลยนะ

เกาะตาชัย

ขึ้นมาได้หน่อยก็เจอพระเอก แต่ว่าไม่ตื่นเต้นเท่าบนหาดทราย

เกาะตาชัย

ปีนหน่อยตอนแรก ๆ เล่นเอาเหงื่อตกกีบ แล้วก็เดินเท้าเปล่าไปอีกสัก 300 – 500 เมตร

เกาะตาชัย

แวบแรกที่เห็น

เกาะตาชัย

หายเหนื่อยก็รีบ ๆ สอย รีบ ๆ ถ่าย เดี๋ยวตกเรือครับ เราต้องออกไปขึ้นเรือตอนบ่าย 3 โมง

เกาะตาชัย

มุมซ้ายก็สวย

เกาะตาชัย

ใครก็ไม่รู้มาก่อไว้

เกาะตาชัย

แล้วก็จ้ำ ๆ ลงมาเจอพระเอก…ชูก้ามขู่

เกาะตาชัย

ได้เวลากลับแล้วครับ บ่าย 3 โมง

เกาะตาชัย

          หนึ่งชั่วโมงกว่า ๆ ผมกินยาหลับครับ แล้วก็มาตื่นตอนจะถึงท่าเรือ ขอบคุณ Love Andaman ขอบคุณ Air Asia ครับ

12.อุทัยธานี ชีวิตเรียบง่ายริมลำน้ำสะแกกรัง

อุทัยธานี

 อุทัยธานี ชีวิตเรียบง่ายริมลำน้ำสะแกกรัง

อุทัยธานี เมืองเล็ก ๆ ริมแม่น้ำสะแกกรัง เป็นเมืองที่ยังคงหลงเหลือบรรยากาศเก่า ๆ กับกลิ่นอายบ้านริมน้ำในรูปแบบของชนบท ซึ่งความงามเหล่านี้เองเป็นเสมือนสิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องการมาเยือนเมืองที่อิงแอบสายน้ำ โดยมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เริ่มจากบริเวณตัวเมืองแถววงเวียนใจกลางเมืองทั้ง 3 วงเวียน อาคารบ้านเรือนในย่านนี้เป็นห้องแถวสองชั้น มีทั้งที่สร้างด้วยไม้และปูนในยุคการค้าทางน้ำยังเจริญรุ่งเรือง และน่าสนใจ คือ พิพิธภัณฑ์ฮกแซตึ้ง บ้านไม้สักแบบจีน อายุเก่าแก่กว่าร้อยปี สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ โดยเดิมเป็นร้านขายยา และเป็นศูนย์กลางในการจัดงานต่าง ๆ เช่น เทศกาล กินเจ เป็นต้น

อุทัยธานี

วัดอุโปสถาราม วัดเก่าแก่ริมน้ำสะแกกรัง, วัดสังกัสรัตนคีรี ตั้งอยู่ตรงเชิงเขาสะแกกรังประดิษฐ์ฐานพระพุทธรูปมงคลศักดิ์สิทธิ์ หรือหลวงพ่อมงคล เป็นพระพุทธรูปโบราณสมัยสุโขทัยปางมารวิชัย วัดแห่งนี้ยังเป็นสถานที่จัดงานตักบาตรเทโวด้วย, วัดจันทราราม หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าวัดท่าซุง หรือวัดหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ภายในวัดมีวิหารแก้ว ประดับตกแต่งด้วยแก้วอย่างวิจิตรบรรจง, เกาะเทโพ เกาะที่ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสะแกกรัง บนเกาะมีเส้นทางปั่นจักรยานท่องเที่ยวไปตามสถานที่ที่น่าสนใจ เช่น ท้องทุ่งนาที่ปรับเปลี่ยนสีสันไปตามฤดูกาล สวนส้มโอ หมู่บ้านหัตถกรรมทำเสื่อ เครื่องจักสานจากไม้ไผ่ ฯลฯ เส้นทางปั่นจักรยานระยะทางประมาณ 33 กิโลเมตร

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมล่องเรือไปตามลำน้ำสะแกกรัง เพื่อย้อนความหลัง ชมความรุ่งเรืองของลุ่มน้ำแห่งนี้ โดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ จะมีดอกสะแกสีเขียวอมเหลืองห้อยลงมาริมน้ำ จึงเป็นที่มาของชื่อลำน้ำ ส่วนริมน้ำก็สามารถพบเห็นเรือนแพ ที่ยังมีผู้คนอาศัยและดำรงชีวิตเรียงรายอยู่ทั้งสองฟากฝั่ง ซึ่งนับวันจะเหลือน้อยเต็มที

 การเดินทาง

จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท แล้วเลี้ยวซ้ายตรงทางแยกท่าน้ำอ้อย บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 206 เข้าทางหลวงหมายเลข 333 ข้ามสะพานแม่น้ำเจ้าพระยา ระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร ผ่านหน้าโรงพยาบาล เลี้ยงซ้าย เข้าตลาดอุทัยธานี รวมระยะทางประมาณ 222 กิโลเมตร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานอุทัยธานี 28/5 ถนนรักการดี ตำบลอุทัยใหม่ อำเภอเมืองฯ จังหวัดอุทัยธานี 61000 โทรศัพท์ 0 5561 6228 – 9

11.หัวหิน สุดยอดเมืองตากอากาศ

หัวหิน

 หัวหิน สุดยอดเมืองตากอากาศ

หัวหิน เมืองที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากมีความเป็นมายาวนานนับร้อยปี และได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

หากกล่าวถึงตัวตนของเมืองหัวหิน ผู้ที่เคยสัมผัสก็คงพอจะเดาออกถึงความร่วมสมัยที่มีทั้งความเก่าแก่และทันสมัยผสมผสานเข้ากันกลายเป็นเอกลักษณ์ของเมือง ดังจะเห็นได้จากสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหลาย เช่น พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ บริเวณสถานีรถไฟหัวหิน อาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ที่ได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมแบบวิกตอเรีย ที่เน้นความละเอียดลออของการประดับตกแต่งเสาคานหลังคา ฯลฯ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานีรถไฟที่สวยที่สุดในประเทศ รวมถึงกลายเป็นสัญลักษณ์และความภาคภูมิใจของชาวเมืองหัวหิน จนปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนเมืองนี้ ย่อมพลาดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับพลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ เฉกเช่นเดียวกัน

นอกเหนือจากชายหาดขึ้นชื่อแล้ว เมืองหัวหินก็ยังคงมีคาแรคเตอร์แห่งความทันสมัยและเกาะกระแสการท่องเที่ยวออกมาให้เราชื่นชมอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างที่เห็นเด่นชัดอย่างเพลินวาน ในยุคที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเยือนสถานที่เก๋ ๆ ร้านกาแฟสวย ๆ จับจ่ายของฝากแฮนด์เมด และถ่ายภาพน่ารัก ๆ เพื่อแชร์ในสังคมออนไลน์ เพลินวานก็ตอบโจทย์การท่องเที่ยวได้อย่างครบถ้วน

หัวหิน

ห่างออกไปที่ตลาดจักจั่น ตลาดนัดตอนเย็นที่รวบรวมความอาร์ตและงานสร้างสรรค์มานำเสนอนักท่องเที่ยวในวันเสาร์ เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ตลาดจักจั่นจะถูกเนรมิตให้เป็นแหล่งช้อปปิ้งแบบ Lifestyle Marker ที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ โซน Art A La Mode ซึ่งประดับประดาไปด้วยแสงไฟสีสวย และความสุนทรีย์ของดนตรีเบา ๆ เคล้าคลอบรรยากาศ มีศิลปินมากมายมาออกร้านขายของแฮนด์เมดไอเดียดี ๆ ทั้งเครื่องประดับ เสื้อผ้า ของแต่งบ้าน ฯลฯ ถัดกันไปไม่ไกลนักเป็นโซน Art of Eating ที่รวบรวมร้านอาหารอร่อยมากมาย บางร้านเป็นร้านดังจากโรงแรมชั้นนำ บางร้านก็เป็นร้านขึ้นชื่อติดปากชาวเมืองหัวหินมาออกร้านให้เลือกชิมของอร่อยกันจนอิ่มท้อง

นอกจากนี้ หัวหินยังมีแหล่งท่องเที่ยวน่าชมอีกมาก เช่น วัดห้วยมงคล วัดเขาตะเกียบ ตลาดน้ำหัวหิน ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม ฯลฯ

 การเดินทาง

จากกรุงเทพฯ มุ่งตรงไปยังถนนพระราม 2 จากนั้นเลี้ยวซ้ายที่แยกวังมะนาว เข้าทางหลวงหมายเลข 4 ไปอีกประมาณ 100 กิโลเมตร ผ่านอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เข้าตัวเมืองหัวหิน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ 39/9 ถนนเพชรเกษม ตำบลหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77110 โทรศัพท์ 0 3251 3885, 0 3251 3854, 0 3251 3871 อีเมล tatprachuap@tat.or.th